
กลุ่มผู้ใช้หูฟังและนักฟังเพลง จะทราบดีว่าหูฟังแบรนด์ 1MORE (วันมอร์) เป็นหูฟังที่ขายดี เพราะเสียงดีเกินราคา คุ้มค่า กำลังเริ่มเจาะตลาดในหลายประเทศทั่วโลกอย่างกว้างขวางมากขึ้นเรื่อย ๆ

1MORE Triple Driver In-Ear Headphones ที่นำมารีวิวทดสอบเสียงในครั้งนี้ ได้รับมาจากบริษัท Generation-S ซึ่งจัดจำหน่ายหูฟัง 1MORE ให้กับหลากหลายร้านค้าชั้นนำ ได้แก่
Speed Computer, SoundProofBros MBK, BKK Audio, เฟซบุ๊กเพจ 1MORE Thailand, Loft และ BeTrend เคาะราคา จำหน่าย 4,990 บาท ซึ่งบริษัท Generation-S นั้น นักเล่นหูฟังน่าจะรู้จักกันดีอยู่แล้ว เพราะอยู่ในธุรกิจหูฟังและอุปกรณ์เสริมสมาร์ทโฟนหลายแบรนด์ดังมายาวนาน

เปิดกล่องออกมา พบกับหูฟังสีเงิน กระเป๋าใส่หูฟังทรงสี่เหลี่ยมแข็งหนาพร้อมฝาปิดแบบแม่เหล็ก คลิปหนีบสายหูฟังติดเสื้อ ปลั๊กสำหรับเสียบหูฟังบนเครื่องบิน และจุกหูฟังหลากหลายขนาดให้เลือกใช้ มั่นใจว่าลูกค้าที่ซื้อหูฟังรุ่นนี้จะต้องประทับใจตั้งแต่เปิดกล่องครั้งแรก
Housing ตัวหูฟังทำมาจากอะลูมิเนียม สีเงินแวววาวดูหรูหรา มีก้านยาวช่วยให้จับสวมใส่หรือถอดออกจากหูได้ง่าย ลดปัญหาการดึงจนสายขาดในในระยะยาวได้ ท่อนำเสียงเฉียง 45 องศา จึงต้องสังเกตก่อนใส่หูฟังว่าข้างไหนเป็น L หรือ R ให้ถูกข้าง ถ้าใส่ถูกข้าง จะแน่นกระชับพอดีหู ใส่สบาย และกั้นเสียงรบกวนภายนอกได้ดีมาก สายนำสัญญาณเป็นทองแดง ภายนอกถักหุ้มด้วยใย Kevlar แข็งแรงทนทาน อายุการใช้งานยาวนาน และลดปัญหาสายพันกัน

หูฟังแบบ Hybrid Driver ถูกคาดหวังว่าจะต้องให้คุณภาพเสียงที่ดีกว่าหูฟังราคาถูกที่มี Dynamic Driver ตัวเดียวขับทุกย่านเสียง สำหรับหูฟัง 1MORE Triple Driver ที่มี 3 Driver แยกขับเสียงกลาง-แหลมด้วย BA Driver สองตัว และขับเสียงย่าน Bass ด้วย Dynamic Driver อีกตัว ทั้งหมดนี้รวมอยู่ใน Housing อะลูมิเนียม แน่นอนว่าน้ำหนักของหูฟังจะเพิ่มขึ้นหลายกรัม แต่ก็ไม่มีปัญหากับการสวมใส่
หูฟังรุ่นนี้มี Driver หรือตัวขับเสียงรวม 3 ตัว แบ่งเป็น Balanced Amatures หรือ BA Driver สองตัวทำหน้าที่ถ่ายทอดเสียงย่านกลางกับแหลม ส่วนอีกตัวเป็น Dynamic Driver ถ่ายทอดเสียงทุ้ม อธิบายเปรียบเทียบแบบคร่าว ๆ ก็จะคล้ายกับตู้ลำโพง 3 ทาง ที่มีดอกลำโพงตัวใหญ่ขับเสียงทุ้ม และมีดอกลำโพงอีกสองตัวขนาดเล็กกว่า ขับเสียงกลางกับเสียงแหลม แยกหน้าที่กันอิสระ คุณภาพเสียงจึงคาดหวังได้ว่าจะดีกว่าตู้ลำโพงขนาดเล็กที่มีลำโพงดอกเดียว ขับเสียงทั้งทุ้ม กลาง แหลม ออกมาทุกย่านเสียง ซึ่งหลายคนน่าจะมีประสบการณ์การฟังเปรียบเทียบกันมาบ้างแล้ว
ด้านหน้ากล่อง ระบุว่าเป็นหูฟังที่ปรับจูนเสียงโดย Luca Bignardi เป็น Sound Engineer ระดับ Grammy Award เพื่อให้การบาลานซ์เสียงของหูฟังทั้งสองข้างสมดุลอย่างเหมาะสม และคมชัดสมจริงที่สุด
หูฟังรุ่นนี้ มีไมโครโฟนและปุ่มควบคุมเสียงที่สาย ใช้งานได้กับสมาร์ทโฟนทั้ง Android OS และ iOS ตามสเปก ระบุว่ารองรับความถี่เสียง ตั้งแต่ 20-40,000 Hz เลยทีเดียว

เปิดกล่องออกมา พบกับหูฟังสีเงิน กระเป๋าใส่หูฟังทรงสี่เหลี่ยมแข็งหนาพร้อมฝาปิดแบบแม่เหล็ก คลิปหนีบสายหูฟังติดเสื้อ ปลั๊กสำหรับเสียบหูฟังบนเครื่องบิน และจุกหูฟังหลากหลายขนาดให้เลือกใช้ มั่นใจว่าลูกค้าที่ซื้อหูฟังรุ่นนี้จะต้องประทับใจตั้งแต่เปิดกล่องครั้งแรก


หูฟังแบบ Hybrid Driver ถูกคาดหวังว่าจะต้องให้คุณภาพเสียงที่ดีกว่าหูฟังราคาถูกที่มี Dynamic Driver ตัวเดียวขับทุกย่านเสียง สำหรับหูฟัง 1MORE Triple Driver ที่มี 3 Driver แยกขับเสียงกลาง-แหลมด้วย BA Driver สองตัว และขับเสียงย่าน Bass ด้วย Dynamic Driver อีกตัว ทั้งหมดนี้รวมอยู่ใน Housing อะลูมิเนียม แน่นอนว่าน้ำหนักของหูฟังจะเพิ่มขึ้นหลายกรัม แต่ก็ไม่มีปัญหากับการสวมใส่
แนวเสียงของหูฟังรุ่นนี้ เหมาะกับดนตรีหลากหลายแนว มีความสมดุลกันทุกย่านเสียง ทั้งทุ้ม-กลาง-แหลม ไม่ได้โดดเด่นที่ย่านเสียงใดเป็นพิเศษ Driver ทั้งสามตัว ทำหน้าที่ของตัวเองได้ดี
เสียงทุ้มลงลึก ลูกใหญ่ มวลหนา กระชับ แรงกระแทกแน่นสะใจในปริมาณพอเหมาะพอดี ไม่มีอาการบวมฟุ้ง หัวโน้ตชัดเจน ฟังสนุก ใครชอบ Drum & Bass น่าจะชื่นชอบคุณภาพเสียงจากหูฟังรุ่นนี้
เสียงย่านแหลมไม่คมจัดจ้านเกินไป แต่เปล่งประกายสดใสชัดเจน ถ่ายทอดรายละเอียดของชิ้นดนตรีได้ดีและชัดเป๊ะ โดยเฉพาะเมื่อฟังเพลงที่เป็นไฟล์ Hi-Res Audio จะแสดงศักยภาพออกมาเต็มที่
เสียงกลาง ถ่ายทอดเสียงร้องที่มีความละมุนพอตัว ไม่ถึงกับหวานฉ่ำ ไม่หลบและไม่พุ่งล้ำหน้า ถ่ายทอดรายละเอียดของน้ำเสียงและการเปล่งเสียงจากปากนักร้องได้ชัดเจนดี
เวทีเสียงถือว่ากว้างแต่ไม่ถึงกับกว้างมาก ไม่อึดอัดอับทึบ กระจายตัวตำแหน่งเครื่องดนตรีและนักร้องอย่างเหมาะสมได้มิติเสียงกำลังดี
โดยรวมถือว่าเป็นหูฟังที่ให้ Soundstage กว้างพอดี ๆ น้ำเสียงไพเราะชัดเจนใช้ได้ ถ่ายทอดรายละเอียดเสียงได้ดี เต็มคุณภาพครบทุกย่านเสียง มีความไวที่ค่อนข้างดี สมาร์ทโฟนทั่วไปก็ขับไหว ไม่ค่อยกินวัตต์ แต่ถ้าใช้ร่วมกับ DAC Amp ก็ยิ่งดี เต็มประสิทธิภาพยิ่งขึ้นเมื่อฟังไฟล์เพลงคุณภาพสูงแบบ Hi-Res Audio
หูฟัง 1MORE Triple Driver วางจำหน่ายแล้วในราคา SRP 4,990 บาท แต่บางร้านก็มีโปรโมชั่นส่งเสริมการขาย ทำให้ลดราคาลงอยู่ในช่วง 3,500 ถึง 4 พันต้น ๆ ก็ถือว่าเป็นราคาที่คุ้มค่าน่าลงทุนสำหรับนักฟังเพลงที่เน้นรายละเอียดเสียงดนตรี และฟังเพลงคุณภาพสูง Hi-Res Audio อยู่แล้ว
โดยรวมถือว่าเป็นหูฟังที่ให้ Soundstage กว้างพอดี ๆ น้ำเสียงไพเราะชัดเจนใช้ได้ ถ่ายทอดรายละเอียดเสียงได้ดี เต็มคุณภาพครบทุกย่านเสียง มีความไวที่ค่อนข้างดี สมาร์ทโฟนทั่วไปก็ขับไหว ไม่ค่อยกินวัตต์ แต่ถ้าใช้ร่วมกับ DAC Amp ก็ยิ่งดี เต็มประสิทธิภาพยิ่งขึ้นเมื่อฟังไฟล์เพลงคุณภาพสูงแบบ Hi-Res Audio
หูฟัง 1MORE Triple Driver วางจำหน่ายแล้วในราคา SRP 4,990 บาท แต่บางร้านก็มีโปรโมชั่นส่งเสริมการขาย ทำให้ลดราคาลงอยู่ในช่วง 3,500 ถึง 4 พันต้น ๆ ก็ถือว่าเป็นราคาที่คุ้มค่าน่าลงทุนสำหรับนักฟังเพลงที่เน้นรายละเอียดเสียงดนตรี และฟังเพลงคุณภาพสูง Hi-Res Audio อยู่แล้ว
COMMENTS