71% ของธุรกิจในไทย เชื่อว่าจะต้องดิ้นรนอย่างมากเพื่อให้สามารถตอบโจทย์ความต้องการที่เปลี่ยนแปลงของลูกค้าให้ได้ภายใน 5 ปี
สรุปประเด็นข่าว
- มีเพียง 7 เปอร์เซ็นต์ ของธุรกิจในประเทศไทยที่เป็นผู้นำด้านดิจิทัล
- 7 ใน 10 ของธุรกิจในไทยโดยประมาณ กังวลว่าจะต้องพยายามอย่างหนักเพื่อให้ตอบโจทย์ความต้องการที่เปลี่ยนแปลงไปของลูกค้าได้ภายในเวลา 5 ปี
- 33 เปอร์เซ็นต์ ของธุรกิจในไทยหวั่นกลัวว่าองค์กรของตนจะถูกทิ้งให้อยู่ข้างหลังภายในอีก 5 ปี
- บรรดาผู้นำธุรกิจ ระบุการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล (Digital Privacy) และการรักษาความปลอดภัยบนไซเบอร์ (Cybersecurity) คืออุปสรรคใหญ่ที่สุดที่กีดขวางการปฏิรูปสู่ดิจิทัล
มีเพียง 7 เปอร์เซ็นต์ขององค์กรธุรกิจในประเทศไทยที่เป็นผู้นำด้านดิจิทัล จากรายงานดัชนีชี้วัดการปฏิรูปสู่ดิจิทัลของเดลล์ เทคโนโลยีส์ Dell Technologies Digital Transformation Index (the DT Index) ทั้งนี้ DT Index ซึ่งสำเร็จลุล่วงด้วยการประสานความร่วมมือกับอินเทล ได้จับความก้าวหน้าในการปฏิรูปสู่ดิจิทัลขององค์กรธุรกิจขนาดกลางถึงใหญ่ พร้อมประเมินเกี่ยวกับความหวังและความกลัวของผู้นำธุรกิจที่มีต่อมุมมองในเรื่องของดิจิทัล โดยผลการศึกษาเผยว่า 71 เปอร์เซ็นต์ของผู้นำธุรกิจในไทย เชื่อว่าองค์กรของตนคงต้องพยายามเป็นอย่างมากเพื่อให้สามารถตอบโจทย์ความต้องการที่เปลี่ยนแปลงไปของลูกค้าภายในระยะเวลาเพียงแค่ 5 ปี ในขณะที่อีก 33 เปอร์เซ็นต์หวั่นเกรงว่าตนจะถูกทิ้งให้อยู่ข้างหลัง
การคำนวณของ DT Index อิงตามศักยภาพขององค์กรธุรกิจที่สามารถมองเห็นได้ในประเด็นต่อไปนี้ โดยเทียบกับคุณลักษณะสำคัญของธุรกิจดิจิทัล กลยุทธ์ด้านไอทีที่มีอยู่เดิม กลยุทธ์ในการปฏิรูปคนทำงาน (workforce transformation) และแผนงานด้านการลงทุน
ในระยะเวลา 2 ปี หลังจากที่เริ่มเปิดตัว DT Index ไปในปี 2016 เดลล์ เทคโนโลยีส์ และอินเทลได้ขยายขอบเขตของการวิจัยให้ครอบคลุมมากยิ่งขึ้นกว่า 2 เท่า จาก 16 ประเทศ เพิ่มขึ้นเป็น 42 ประเทศ พร้อมกับได้ทำการเปรียบเทียบองค์กรธุรกิจถึง 4,600 แห่ง โดยมีการแบ่งกลุ่มดังต่อไปนี้
การเปรียบเทียบเพื่อแบ่งกลุ่ม
|
รายละเอียด
|
การวิเคราะห์ ระดับประเทศในปี 2018
(ประเทศไทย)
|
ผู้นำด้านดิจิทัล
(Digital
Leaders)
|
มีการปฏิรูปสู่ดิจิทัล ในหลากหลายรูปแบบ และถูกปลูกฝังอยู่ในดีเอ็นเอของธุรกิจ
|
7%
|
ผู้ที่เริ่มก้าวสู่ดิจิทัล
(Digital
Adopters)
|
มีแผนงานด้านดิจิทัลที่เป็นจริงเป็นจัง มีการลงทุนและมีนวัตกรรมในองค์กร
|
40%
|
ผู้ที่กำลังประเมินดิจิทัล
(Digital
Evaluators)
|
ตอบรับการปฏิรูปสู่ดิจิทัลอย่างระมัดระวัง ค่อยเป็นค่อยไป
มีการวางแผนและลงทุนสำหรับอนาคต
|
25%
|
ผู้ตามในเรื่องดิจิทัล
(Digital
Followers)
|
ลงทุนด้านดิจิทัลน้อยมาก เพิ่งเริ่มต้นวางแผนคร่าวๆ
สำหรับอนาคต
|
23%
|
ผู้ที่ถูกทิ้งให้อยู่ข้างหลังดิจิทัล
(Digital
Laggards)
|
ไม่มีแผนงานด้านดิจิทัล มีการลงทุนและความริเริ่มที่จำกัดในองค์กร
|
5%
|
อย่างไรก็ตาม ผลการรายงานยังเผยให้เห็นว่า เกือบ 1 ใน 4 ของบริษัทยังอยู่ใน 2 กลุ่มหลัง ซึ่งหมายความว่าบริษัทเหล่านี้ กำลังก้าวไปอย่างช้า ๆ หรือไม่ก็ยังไม่มีแผนงานด้านดิจิทัลเลย
อุปสรรคที่กีดขวางการปฏิรูปสู่ดิจิทัล
จากการวิจัย พบว่า 96 เปอร์เซ็นต์ของธุรกิจในไทยในปัจจุบัน กำลังเผชิญกับอุปสรรคสำคัญที่กีดขวางการปฏิรูปสู่ดิจิทัลอุปสรรคสูงสุด 5 อันดับที่กีดขวางการปฏิรูปสู่ดิจิทัล ได้แก่
- การคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล และการรักษาความปลอดภัยบนไซเบอร์
- วัฒนธรรมด้านดิจิทัลที่ยังไม่แข็งแรงพอ ขาดความสอดคล้อง และการประสานความร่วมมือภายในบริษัท
- ขาดวิสัยทัศน์ และกลยุทธ์ด้านดิจิทัลที่สอดคล้องกัน
- ขาดเทคโนโลยีที่เหมาะสมในการทำงานให้ทันต่อธุรกิจ
- ขาดทักษะและความเชี่ยวชาญที่เหมาะสมในองค์กร
“เราพูดถึงการมาอยู่ในจุดที่มีการเปลี่ยนแปลงครั้งยิ่งใหญ่เกิดขึ้นมาสักระยะหนึ่งแล้วในปัจจุบัน ทำให้เรื่องนี้ไม่ใช่ประเด็นอีกต่อไป” นายอโณทัย เวทยากร รองประธาน เดลล์ อีเอ็มซี อินโดจีน กล่าว “ยุคถัดไปของดิจิทัลมาถึงแล้ว และมันกำลังเปลี่ยนวิถีในการใช้ชีวิต ในการทำงานและการทำธุรกิจ ซึ่งหมายความว่าเวลาคือสิ่งสำคัญ การปฏิรูปที่แท้จริงต้องเกิดขึ้นในตอนนี้ และจำเป็นที่จะต้องเปลี่ยนแปลงโดยสิ้นเชิง”
การเอาชนะความท้าทาย
การวิจัยยังชี้ให้เห็นว่าองค์กรธุรกิจกำลังเดินหน้าเพื่อที่จะก้าวข้ามอุปสรรคต่างๆ ที่มาพร้อมกับการคุกคามในการที่จะถูกเอาชนะจากผู้เล่นที่ไวกว่าและมีนวัตกรรมเหนือกว่า เราเห็นเรื่องดังกล่าวได้จากประเด็นต่อไปนี้- 69 เปอร์เซ็นต์ของธุรกิจในไทยใช้เทคโนโลยีดิจิทัล เพื่อช่วยเร่งสู่การพัฒนาผลิตภัณฑ์และบริการใหม่
- 68 เปอร์เซ็นต์ของธุรกิจสร้างระบบรักษาความปลอดภัยและความเป็นส่วนตัวไว้ในทุกอุปกรณ์ แอปพลิเคชัน และอัลกอริธึมทั้งหลาย
- 65 เปอร์เซ็นต์ กำลังพยายามอย่างหนักในการพัฒนาทักษะรวมถึงความเชี่ยวชาญที่เหมาะสมในองค์กร เช่นการสอนให้พนักงานเรียนรู้วิธีการเขียนโค้ด
- 52 เปอร์เซ็นต์ แบ่งปันความรู้ในทุกฟังก์ชันงาน ด้วยการเตรียมพร้อมให้ผู้นำด้านไอที มีทักษะทางธุรกิจ และให้ผู้นำธุรกิจมีทักษะไอทีในขณะเดียวกัน
แผนการลงทุนที่วางไว้ภายใน 1 ถึง 3 ปีข้างหน้า
- 73 เปอร์เซ็นต์ของธุรกิจในไทย ตั้งใจที่จะลงทุนในระบบรักษาความปลอดภัยบนไซเบอร์
- 63 เปอร์เซ็นต์ของธุรกิจในไทยตั้งใจว่าจะลงทุนด้านมัลติ-คลาวด์
- 61 เปอร์เซ็นต์ของธุรกิจในไทยตั้งใจว่าจะลงทุนด้านการออกแบบดาต้าเซ็นเตอร์ที่ใช้แนวทางมุ่งเน้นที่การประมวลผลเป็นหลัก รวมถึงศักยภาพและการดำเนินการที่เหมาะสมและคุ้มค่าในเรื่องของเวิร์กโหลด
- 56 เปอร์เซ็นต์ของธุรกิจในไทยตั้งใจว่าจะลงทุนเรื่องปัญญาประดิษฐ์ (AI)
- 55 เปอร์เซ็นต์ของธุรกิจในไทยตั้งใจว่าจะลงทุนในเทคโนโลยี IoT
“นับว่าเป็นช่วงเวลาที่น่าตื่นเต้นสำหรับธุรกิจ เรากำลังมาถึงจุดที่เป็นหัวเลี้ยวหัวต่อสำคัญ ที่เทคโนโลยี และธุรกิจ รวมถึงมนุษยชาติมาร่วมกันสร้างโลกที่เชื่อมต่อมากยิ่งขึ้น มีคุณภาพยิ่งขึ้น” นายนพดล ปัญญาธิปัตย์ ผู้จัดการประจำประเทศไทย เดลล์ อีเอ็มซี ประเทศไทย กล่าว “อย่างไรก็ตาม องค์กรที่วางเทคโนโลยีไว้เป็นศูนย์กลาง จะได้รับคุณประโยชน์จากโมเดลธุรกิจดิจิทัล รวมถึงความสามารถในการเคลื่อนไหวได้อย่างรวดเร็ว เพื่อจัดการทุกสิ่งได้ในแบบอัตโนมัติและทำให้ลูกค้าพึงพอใจ นี่คือสาเหตุที่การปฏิรูปสู่ดิจิทัล เป็นเรื่องสำคัญที่ต้องมาเป็นอันดับหนึ่ง”
ระเบียบวิธีวิจัย
ในช่วงซัมเมอร์ปีนี้ Vanson Bourne ซึ่งเป็นบริษัทวิจัยอิสระ ได้ทำการสำรวจผู้นำธุรกิจ 100 รายในประเทศไทย จากองค์กรธุรกิจขนาดกลางถึงขนาดใหญ่ เพื่อวัดสถานภาพขององค์กรใน ดัชนีการปฏิรูปสู่ดิจิทัลของเดลล์ เทคโนโลยีส์ โดย Vanson Bourne ได้แบ่งกลุ่มองค์กรตามความมุ่งมั่นพยายามในเรื่องดิจิทัล ด้วยการประเมินในเรื่องของกลยุทธ์ด้านไอที ความริเริ่มในการปฏิรูปคนทำงาน และความสามารถที่รับรู้ได้โดยเทียบจากคุณลักษณะสำคัญที่ธุรกิจดิจิทัลต้องมี โดยผลการวิจัยทั่วโลก (จากฐานผู้เข้าร่วมสำรวจ 4,600 คนจาก 42 ประเทศ) จะออกในช่วงต้นปี 2019แหล่งข้อมูลเพิ่มเติม
- อ่านข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับดัชนีการปฏิรูปสู่ดิจิทัลของเดลล์ เทคโนโลยีส์ ประจำปี 2016 ได้ที่ https://www.delltechnologies.com/en-us/perspectives/digital-transformation-index.htm
- อ่านข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับโปรแกรม Dell Technologies Realizing 2030 ได้ที่ www.delltechnologies.com/realizing2030
- ติดตามข่าวสารล่าสุดได้ทางทวิตเตอร์ @DellTech, @Dell และ @DellEMC
คุณลักษณะของธุรกิจดิจิทัล
**ในปี 2015 บรรดาผู้นำธุรกิจได้นิยามคุณลักษณะสำคัญด้านดิจิทัลที่องค์กรธุรกิจต้องมี เพื่อให้ประสบความสำเร็จได้ในยุคถัดไป เหล่านี้ได้แก่- สร้างนวัตกรรมที่ก่อให้เกิดความคล่องตัว
- จับโอกาสใหม่ได้จากการคาดการณ์
- แสดงให้เห็นถึงความโปร่งใส และความน่าเชื่อถือ
- มอบประสบการณ์ที่โดดเด่นและเป็นส่วนตัว
- พร้อมเสมอสำหรับการดำเนินงานในแบบเรียลไทม์
COMMENTS