นูทานิคซ์ ผู้นำด้านคลาวด์คอมพิวติ้งสำหรับองค์กรได้ประกาศเปิดตัว นูทานิคซ์ ไมน์ (Nutanix Mine) โซลูชั่นระบบเปิดรูปแบบใหม่ที่ผนวกรวม ความสามารถสำหรับระบบจัดเก็บข้อมูลสำรอง (Secondary Storage) เข้าด้วยกันกับแพลตฟอร์มการใช้งานคลาวด์สำหรับองค์กรของนูทานิคซ์ (Nutanix Enterprise Cloud Platform) เพื่อตอบโจทย์การดำเนินงานอย่างเต็มรูปแบบระหว่างแหล่งเก็บข้อมูลหลักและแหล่งเก็บข้อมูลสำรองภายในระบบไพรเวทคลาวด์ขององค์กร ด้วยการประสานการดำเนินงานผ่านผู้ให้บริการโซลูชั่นแบ็คอัพชั้นนำอย่าง Veeam, HYCU, Commvault, Veritas, และ Unitrends ลูกค้าจะสามารถบริหารจัดการสภาพแวดล้อม HCI และสำรองข้อมูลได้แบบรวมศูนย์ผ่านหน้าจอเดียวกัน ซึ่งจะช่วยลดต้นทุนในการจัดการ รวมทั้งลดความยุ่งยากและซับซ้อนในการดำเนินงานของโซลูชั่นสำหรับการสำรองและกู้คืนข้อมูล ทั้งนี้โซลูชั่นนูทานิคซ์ ไมน์ จะช่วยปรับปรุงการขบวนการด้านการสำรองข้อมูลโดยรวมขององค์กร ทั้งในด้านการบริหารจัดการอย่าง การเพิ่มขยาย และแก้ไขปัญหาขัดข้องต่างๆ โดยจะยังคงรักษาความเป็นอิสระของลูกค้าในการเลือกใช้บริการสำรองข้อมูลที่เหมาะสมต่อสภาพแวดล้อมทางโครงสร้างพื้นฐานรูปแบบต่าง ๆ
ข้อมูลจากการ์ทเนอร์
การ์ทเนอร์ระบุว่า “มีความท้าทายมากมายเกิดขึ้นในการสำรองข้อมูลและกู้ข้อมูลด้วยโซลูชั่นที่ใช้อยู่ในปัจจุบัน ความท้าทายหลักๆ สามประการที่พบได้บ่อยเกี่ยวข้องกับ ค่าใช้จ่าย ความยุ่งยากซับซ้อน และประสิทธิภาพในการดำเนินงาน แม้ว่าในภาพรวมจะมีการพัฒนาค่าใช้จ่ายในอุตสาหกรรมไอที แต่ค่าใช้จ่ายต่างๆ ยังคงเพิ่มสูงขึ้นเรื่อยๆ ส่งผลให้ในระบบการสำรอง และปกป้องข้อมูลในหลายองค์กรมีต้นทุนที่สูงที่สุดเสมอ”[1]
ในหลายองค์กรซึ่งยกระดับดาต้าเซนเตอร์ให้มีความทันสมัยด้วย HCI เพื่อเพิ่มความสะดวก เพิ่มประสิทธิภาพ และปรับขยายได้โดยไร้ข้อจำกัดเพื่อรองรับแอปพลิเคชันที่ทันสมัย แต่กลยุทธ์ในการสำรองและปกป้องข้อมูลยังคงแยกส่วนจากสภาพแวดล้อมของดาต้าเซนเตอร์หลัก ด้วยโซลูชั่นนูทานิคซ์ ไมน์ ลูกค้าจะสามารถผนวกรวมการดำเนินงานการสำรองข้อมูลร่วมกับแพลตฟอร์มคลาวด์สำหรับองค์กรของ
นูทานิคซ์ (Nutanix Enterprise Cloud Platform) เพื่อให้บริการสำรองข้อมูลสำหรับแอปพลิเคชันทั้งหมด การทำงานร่วมกันระหว่าง ไมน์และดาต้าแฟบริค HCI ที่สามารถจัดสรรลำดับของข้อมูลได้อย่างมีประสิทธิภาพ จะช่วยให้องค์กรต่าง ๆ สามารถเลือกใช้ซอฟต์แวร์ในการสำรองข้อมูลที่เหมาะสมที่สุดสำหรับองค์กร พร้อมยกระดับสภาพแวดล้อมของ HCI และลดระยะเวลาและค่าใช้จ่ายในการจัดการแหล่งจัดเก็บข้อมูลสำรอง
นายฟิล กู๊ดวิน ผู้อำนวยด้านการวิจัยการจัดการข้อมูลบนคลาวด์เพื่อการปกป้องของ IDC กล่าวว่า “กลยุทธ์ในการสำรองและกู้คืนข้อมูลมักจะถูกมองว่าเป็นสิ่งจำเป็นที่แสนยุ่งยากและน่าเบื่อหน่ายสำหรับหลากหลายธุรกิจเนื่องด้วยโครงสร้างพื้นฐานระบบไอทีที่มีความซับซ้อน และทำงานแยกกัน แม้แต่โซลูชั่นแบบไฮเปอร์คอนเวิร์จในท้องตลาดทั่วๆ ไป ก็ยังไม่สามารถแก้ไขความท้าทายของการสำรอง และกู้คืนข้อมูลที่ยุ่งยากนี้ได้” พร้อมเสริมว่า “การที่แพลตฟอร์มบนไพรเวทคลาวด์เริ่มเป็นมาตรฐานที่รองรับแอพพลิเคชั่น และงานต่างๆ ได้อย่างเบ็ดเสร็จ เพิ่มความสามารถโดยนำระบบจัดเก็บข้อมูลสำรองเข้ามาผสานรวมเป็นหนึ่งเดียวกับระบบหลักจึงสร้างความยืดหยุ่น และสะดวกสบายในการใช้งานแก่ลูกค้าได้อีกด้วย”
นายแครี่ สแตนตัน รองประธานฝ่ายพันธมิตรทั่วโลกของ Veeam กล่าวว่า “ในการยกระดับดาต้าเซนเตอร์ให้ล้ำสมัย องค์กรก็ต่างมองหาโซลูชั่นใหม่ๆ ที่สามารถช่วยในการดำเนินงานและแอปพลิเคชั่นทางธุรกิจได้อย่างราบรื่น เพื่อกำจัดการทำงานแบบแยกส่วนและลดความซับซ้อนในการจัดการสภาพแวดล้อมไพรเวทคลาวด์ ทั้งนี้ เพื่อให้บุคลากรฝ่ายไอทีสามารถมุ่งเน้นการดำเนินงานเพื่อต่อยอดความสำเร็จทางธุรกิจขององค์กรต่อไป การที่โซลูชั่นจากทาง Veeam ผสานการทำงานได้ใกล้ชิดขึ้นกับแพลตฟอร์มของนูทานิคซ์ ไมน์ เป็นอีกก้าวหนึ่งของความร่วมมือที่ผสานความต้องการของระบบจัดเก็บข้อมูลหลัก และระบบจัดเก็บข้อมูลสำรองร่วมกัน ซึ่งลดความยุ่งยากในการปกป้องแอปพลิเคชั่นขององค์กร”
ด้วยกลยุทธ์ของเทคโนโลยีแบบเปิด โซลูชั่นนูทานิคซ์ ไมน์จะสามารถทำงานร่วมกับโซลูชั่นสำรองข้อมูล ชั้นนำเช่น Veeam, HYCU, Commvault, Veritas, และ Unitrends ด้วยการประสานงานอย่างแข็งแกร่งกับดาต้าแฟบริค HCI และหน้าจอบริหารจัดการ Prism โซลูชั่นไมน์จะสามารถ
· ลดความซับซ้อนในการสำรองและกู้คืนข้อมูล ดังนั้น องค์กรจึงสามารถบริหารจัดการแหล่งจัดเก็บข้อมูลสำรองได้อย่างง่ายดายเทียบเท่ากับการจัดการแหล่งจัดเก็บข้อมูลหลัก
· ทำให้กระบวนการสำรองข้อมูลแบบครบวงจร ทั้งในด้านการจัดหา ทดสอบ ติดตั้ง และเตรียมพร้อมสำหรับการใช้งานโซลูชั่นอย่างเต็มรูปแบบ เป็นเรื่องง่าย
· สามารถปรับขยายระบบจัดเก็บข้อมูลหลัก และแหล่งจัดเก็บข้อมูลสำรองได้ง่าย และเป็นมาตรฐานวิธีการแบบเดียวกัน เพื่อให้สอดคล้องต่อผลการดำเนินงานและการเติบโตของธุรกิจ
นายซูนิล พอตติ ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายผลิตภัณฑ์และการพัฒนาของนูทานิคซ์ กล่าวว่า “การเติบโตของเทคโนโลยีไฮเปอร์คอนเวิร์จจะยังคงสานต่อปณิธานในการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานและลดความยุ่งยากซับซ้อน โดยการกำจัดการทำงานแบบแยกส่วนภายในดาต้าเซนเตอร์ แม้ว่าลูกค้าจะนำ HCI มาปรับใช้บ้างแล้วก็ตาม แต่การใช้งานแหล่งจัดเก็บข้อมูลสำรองแบบแยกส่วนก็ยังคงอยู่ “ด้วยนูทานิคซ์ ไมน์ ลูกค้าจะได้รับประโยชน์จากการรวบรวมการดำเนินงานแบบแยกส่วนมาไว้ในรูปแบบการดำเนินงานผ่านแพลตฟอร์มเดียว เพื่อลดความยุ่งยากซับซ้อนในการจัดการ ลดขั้นตอนในการดำเนินงาน และลดค่าใช้จ่ายด้านไอที (TCO) โดยไม่ละเลยโซลูชั่นในการสำรองข้อมูลที่เหมาะสมที่สุดต่อความต้องการทางธุรกิจ”
การวางจำหน่าย
‘นูทานิคซ์ ไมน์ กับ Veeam’ จะจัดจำหน่ายโดยนูทานิคซ์ และ ‘นูทานิคซ์ ไมน์ กับ HYCU’ จะวางแผนออกจำหน่ายในไตรมาสที่ 3 ของปี 2562 ในส่วนของนูทานิคซ์ ไมน์ กับ Commvault, Veritas, และ Unitrends การวางจำหน่ายคาดว่าจะประกาศครั้งต่อไป
คำกล่าวสนับสนุนจากลูกค้าและพันธมิตร
นายไบรอัน บร็อคเวย์ รองประธานและหัวหน้าฝ่ายเทคโนโลยีระดับโลกของ Commvault กล่าวว่า “ลูกค้าของเราได้นำเทคโนโลยีของเราไปปรับใช้เพื่อปกป้องแอพลิเคชันที่สำคัญที่สุดขององค์กร แต่กลับเผชิญกับปัญหาในกระบวนการสำรองข้อมูลที่ทำงานแบบแยกส่วนจากดาต้าเซนเตอร์อื่นๆ ขององค์กร ด้วยนูทานิคซ์ ไมน์ ลูกค้าจะสามารถผนวมรวมการใช้งานการสำรองข้อมูลของ Commvault เข้าด้วยกันบนแพลตฟอร์มเดียวกับการจัดเก็บข้อมูลหลัก และดำเนินงานภายใต้การจัดการเดียวกัน เพื่อขจัดความซับซ้อนของการดำเนินงานแบบแยกส่วน” ด้านนายคาเมรอน บาฮาร์ หัวหน้าฝ่ายเทคโนโลยีของ Veritas Technologies กล่าวว่า “นูทานิคซ์และเวอร์ริทัสสามารถช่วยให้ลูกค้าระดับองค์กรขจัดความยุ่งยากซับซ้อนในการจัดการโครงสร้างพื้นฐานและแหล่งข้อมูลในสภาพแวดล้อมต่างๆ ทั้งภายในองค์กร ไฮบริดคลาวด์ และมัลติคลาวด์ ลูกค้าของเราสามารถยกระดับแพลทฟอร์มการบริการด้านข้อมูลสำหรับองค์กรของเวอร์ริทัส เพื่อจัดการกับความเสี่ยงทางธุรกิจที่ไม่คาดคิด ปกป้องข้อมูล พร้อมทั้งได้รับประโยชน์จากการผนึกกำลังในการดำเนินงานกับแพลตฟอร์มคลาวด์สำหรับองค์กรของนูทานิคซ์ (Nutanix Enterprise Cloud Platform) ที่ช่วยจัดสรรภาพรวมการจัดการดาต้าเซนเตอร์ได้ดียิ่งขึ้น”
นอกจากนี้ นายโจเซฟ นูนาน รองประธานฝ่ายผลิตภัณฑ์และการตลาดของ Unitrends กล่าวเสริมว่า “เป็นสิ่งที่สำคัญมากสำหรับเราในการสร้างความมั่นใจให้แก่ลูกค้า ลูกค้าจะได้รับโซลูชั่นในการปกป้องข้อมูลที่ทั้งน่าเชื่อถือและยังช่วยให้กระบวนการด้านไอทีสะดวกง่ายดายมากขึ้น โดยไม่ละเลยโซลูชั่นที่เหมาะแก่การใช้งานและเป็นประโยชน์ต่อธุรกิจ และด้วยนูทานิคซ์ ไมน์ ลูกค้าของเราจะได้รับประโยชน์จากการใช้งานโซลูชั่นที่เอื้อต่อการผสานการดำเนินงานของสองส่วนที่สำคัญต่อองค์กรภายในดาต้าเซนเตอร์ เช่นแพลตฟอร์มคลาวด์สำหรับองค์กรของนูทานิคซ์ (Nutanix Enterprise Cloud Platform) และ ซอฟต์แวร์การสำรองข้อมูลของ Unitrends (Unitrends Backup Software) ลูกค้าจะสามารถจัดการแหล่งจัดเก็บข้อมูลหลักและสำรองได้ในแพลตฟอร์มเดียว ซึ่งเปิดโอกาสให้ลูกค้าสามารถเลือกโซลูชั่นที่ตอบโจทย์สภาพแวดล้อมขององค์กรได้ดีที่สุด และยังสามารถอำนวยความสะดวกและความเรียบง่ายในการบริหารงานด้านไอทีได้มากขึ้นอีกด้วย”
[1] Gartner, “Report Highlight for Market Trends: Expand Your Software-Defined Storage Market by Leveraging Backup and Archiving”, by Santanu Patro, July 2018, ID G00367503
COMMENTS