ไม่ต้องพกแว่นตา 2-3 อันอีกต่อไป เพราะตอนนี้มีนวัตกรรมใหม่ที่ทำให้เลนส์แว่นตาสามารถตอบโจทย์ทุกการใช้งาน สวมใส่สบายตา ไม่ว่าจะมองใกล้ มองไกล หรือใส่ขับรถในทุกสภาพแสง ก็ชัดเจนทุกระยะ และสร้างบุคลิกาพที่ดีให้กับผู้สวมใส่อีกด้วย นวัตกรรมนี้ก็คือ แว่นโปรเกรสซีฟ หรือเลนส์โปรเกรสซีฟสำหรับแว่นตา ซึ่งบางคนที่มีปัญหาสายตาก็น่าจะเคยได้ยินชื่อนี้กันมาบ้างแล้ว และเชื่อว่าส่วนใหญ่ยังไม่เคยได้ลองใช้กัน
เลนส์โปรเกรสซีฟแบรนด์ Varilux เป็นเลนส์คุณภาพสูงจากเอสซีลอร์ (Essilor) ซึ่งเป็นแบรนด์เลนส์แว่นตาชื่อดังจากประเทศฝรั่งเศส จำหน่ายและพัฒนาเลนส์แว่นตาหลายแบบ แต่สำหรับตระกูล Progressive Lens โดยเฉพาะ เอสซีลอร์จะใช้ชื่อแบรนด์ย่อยว่า วารีลักซ์ (Varilux) ในการทำตลาด
โดยส่วนตัวแล้ว เป็นคนที่มีสายตาสั้นมากถึง -6.25 ไดออปเตอร์ (diopter) และมีสายตาเอียงเล็กน้อย แต่เมื่ออายุเข้าใกล้ 40 ปี พบว่าสายตาเริ่มเปลี่ยนไป เมื่อสวมใส่แว่นแล้วไม่สามารถมองระยะใกล้ได้ชัด ส่วนมองไกลยังค่อนข้างชัดเจนดี เริ่มมีความลำบากในการอ่านหนังสือหรือทำงานบนหน้าจอคอมพิวเตอร์กับสมาร์ทโฟนเพราะระยะโฟกัสใกล้นั้นเปลี่ยนไป จึงต้องตัดสินใจไปวัดสายตาและเปลี่ยนแว่นตาอันใหม่พร้อมเลนส์ใหม่ ค่าที่วัดได้จากเครื่อง ทำให้ทราบว่า เริ่มมีสายตายาวเกิดขึ้นแล้ว ทั้งที่สายตาสั้นก็ยังสั้นมากเท่าเดิม ไม่เพิ่มขึ้น แต่ก็ลดลงเล็กน้อย
นี่คือแว่นโปรเกรสซีฟที่ใช้เลนส์โปรเกรสซีฟแบรนด์ Varilux จาก Essilor ซึ่งมองดูแล้วก็เหมือนเลนส์แว่นปกติ ไม่มีการแบ่งพื้นที่แบบซ้อนเลนส์สองระยะอย่างแว่นตาราคาถูกทั่วไป
นี่เป็นครั้งแรก ที่ได้สัมผัสประสบการณ์และมุมมองใหม่จากเลนส์แว่นตาโปรเกรสซีฟ ซึ่งช่วยให้ชีวิตประจำวันดีขึ้นและมีบุคลิกภาพที่ดีขึ้นจริง ๆ โดยเลือกจับคู่กับกรอบแว่นแบรนด์ Bolon ที่มีราคาไม่แพง แต่ก็แข็งแรงทนทานดี และมีน้ำหนักเบา ใส่แล้วไม่กดจมูกหรือสร้างความรำคาญ
เนื่องจากเป็นเลนส์โปรเกรสซีฟที่นำค่าสายตาที่วัดได้ไปสั่งทำเป็นเลนส์เฉพาะบุคคล มีค่าสายตาสั้น สายตายาว สายตาเอียง และจุดโฟกัสในการมองของดวงตาทั้งสองข้างที่สอดคล้องกับผู้สวมใส่ จึงมีต้นทุนและราคาที่สูงกว่าแว่นสายตาสำเร็จรูปที่ขายทั่วไป ค่าสายตาต้องพอดีเป๊ะ ไม่น้อยหรือมากเกินไป และอาจไม่เท่ากันทั้งสองข้างอยู่แล้ว ทำให้รู้สึกประทับใจทันทีเมื่อได้สวมใส่ครั้งแรก ก็เห็นได้เลยว่า ภาพที่มองเห็นนั้น คมกริบ ชัดทุกระยะ ทั้งใกล้มาก ๆ ระยะกลาง ๆ และระยะไกล
ค้นหาข้อมูลเพิ่มเติม และร้านแว่นตาใกล้บ้านได้ที่ http://bit.ly/essilornxtstore หรือ Facebook ของ Essilor ได้ที่ www.facebook.com/EssilorThailand/ และเจาะจงเลือก Essilor ทุกครั้งที่ตัดเลนส์แว่นใหม่
เมื่อหันไปมองผู้ใหญ่และผู้สูงวัยหลายคนรอบตัว ก็สังเกตว่าทุกคนมีปัญหาสายตายาว ต้องสวมใส่แว่นสายตายาวหรือแว่นอ่านหนังสือเมื่อต้องการมองระยะใกล้ ระยะในการถือหนังสือหรือถือสมาร์ทโฟนก็ห่างออกไปตามค่าสายตายาว บางคนต้องถือห่างเกือบสุดแขน บนสมาร์ทโฟนก็ต้องตั้งค่าตัวอักษรให้แสดงผลขนาดใหญ่มาก บางคนแก้ปัญหาด้วยการใช้แว่นตาที่มีเลนส์ 2 ระยะในชิ้นเดียวกัน แต่ก็มองได้ลำบาก เพราะแบ่งกรอบพื้นที่เลนส์ชัดเจนระหว่างมองใกล้กับมองไกล เหมือนมีเลนส์ชิ้นเล็กซ้อนทับในเนื้อเลนส์ชิ้นใหญ่ แต่ยุคสมัยนี้ นวัตกรรมของแว่นโปรเกรสซีฟ ทำให้เราสามารถสั่งทำเลนส์เฉพาะที่ตรงกับค่าสายตาพอดีทั้งสองข้าง ที่มองชัดทุกระยะ และไม่มีการแบ่งซ้อนเลนส์สองระยะ ทำให้สบายตาทุกระยะในการมอง
ขอขอบคุณ Essilor ที่เชิญทีมงาน nexttopbrand.com ได้มีโอกาสทดสอบแว่นโปรเกรสซีฟ สัมผัสได้ถึงประสบการณ์ใหม่ในการมองเห็นที่ดีกว่าเดิมเยอะมาก ด้วยเทคโนโลยีจากเลนส์คุณภาพสูง Varilux ในช่วงเวลาที่กำลังต้องการแว่นตาใหม่พอดี เนื่องจากแว่นเดิมใช้งานมานานเกือบสองปีแล้ว และค่าสายตามีการเปลี่ยนแปลงไปในทางที่สายตายาวเพิ่มขึ้นเล็กน้อยตามช่วงอายุ
ขอขอบคุณ Essilor ที่เชิญทีมงาน nexttopbrand.com ได้มีโอกาสทดสอบแว่นโปรเกรสซีฟ สัมผัสได้ถึงประสบการณ์ใหม่ในการมองเห็นที่ดีกว่าเดิมเยอะมาก ด้วยเทคโนโลยีจากเลนส์คุณภาพสูง Varilux ในช่วงเวลาที่กำลังต้องการแว่นตาใหม่พอดี เนื่องจากแว่นเดิมใช้งานมานานเกือบสองปีแล้ว และค่าสายตามีการเปลี่ยนแปลงไปในทางที่สายตายาวเพิ่มขึ้นเล็กน้อยตามช่วงอายุ
นี่เป็นครั้งแรก ที่ได้สัมผัสประสบการณ์และมุมมองใหม่จากเลนส์แว่นตาโปรเกรสซีฟ ซึ่งช่วยให้ชีวิตประจำวันดีขึ้นและมีบุคลิกภาพที่ดีขึ้นจริง ๆ โดยเลือกจับคู่กับกรอบแว่นแบรนด์ Bolon ที่มีราคาไม่แพง แต่ก็แข็งแรงทนทานดี และมีน้ำหนักเบา ใส่แล้วไม่กดจมูกหรือสร้างความรำคาญ
เนื่องจากเป็นเลนส์โปรเกรสซีฟที่นำค่าสายตาที่วัดได้ไปสั่งทำเป็นเลนส์เฉพาะบุคคล มีค่าสายตาสั้น สายตายาว สายตาเอียง และจุดโฟกัสในการมองของดวงตาทั้งสองข้างที่สอดคล้องกับผู้สวมใส่ จึงมีต้นทุนและราคาที่สูงกว่าแว่นสายตาสำเร็จรูปที่ขายทั่วไป ค่าสายตาต้องพอดีเป๊ะ ไม่น้อยหรือมากเกินไป และอาจไม่เท่ากันทั้งสองข้างอยู่แล้ว ทำให้รู้สึกประทับใจทันทีเมื่อได้สวมใส่ครั้งแรก ก็เห็นได้เลยว่า ภาพที่มองเห็นนั้น คมกริบ ชัดทุกระยะ ทั้งใกล้มาก ๆ ระยะกลาง ๆ และระยะไกล
ทำไมต้องเลือกเลนส์โปรเกรสซีฟจาก Essilor?
โดยส่วนตัวแล้ว สวมใส่แว่นตาตลอดเวลามา 30 กว่าปี เพราะสายตาสั้นมาก จึงขาดแว่นตาไม่ได้ และมีการตัดเลนส์ใหม่ทุก ๆ 3-4 ปี ทุกครั้ง ๆ ร้านแว่นตาก็จะเสนอราคาและเลนส์ Essilor มาให้เป็นตัวเลือกแรก ๆ เสมอ จนเกิดความคุ้นเคย บวกกับการค้นหาข้อมูลจากหลายแหล่ง รวมทั้งเว็บไซต์ของ Essilor โดยตรง http://bit.ly/essilornxt เห็นมีการวิจัยและพัฒนาเทคโนโลยีการผลิตชิ้นเลนส์อยู่ในระดับแถวหน้าของอุตสาหกรรม จึงมั่นใจในคุณภาพของเลนส์ทุกตระกูลจาก Essilor
เมื่อ Essilor รุกเดินหน้าลุยตลาดด้วยเลนส์โปรเกรสซีฟ Varilux อย่างเต็มที่ บวกกับถึงช่วงวัยที่จำเป็นต้องใช้เลนส์โปรเกรสซีฟแล้ว ไม่อยากพกแว่นตาหลายอัน ไม่อยากใส่ ๆ ถอด ๆ ไม่อยากมองลอดแว่นหรือก้มชำเลืองจนเสียบุคลิก อยากให้มองเห็นชัดเจนทุกระยะ สบายตา ไม่เวียนหัว ตัดแสงสะท้อน กรองรังสี UV และแสงสีฟ้า จึงได้เวลาที่เหมาะสมแล้วที่จะต้องเปลี่ยนมาลองใช้แว่นโปรเกรสซีฟแทนแว่นอันเดิมอย่างถาวร และใช้เป็นแว่นสายตาเพียงอันเดียวที่ต้องตอบโจทย์ทุกรูปแบบการใช้งาน
ด้วยเทคโนโลยีชั้นสูง ทำให้ลูกค้าเลือกได้เลยว่า เลนส์ที่สั่งผลิต จะให้มีคุณสมบัติป้องกันอะไรบ้าง เช่น กันแดด กันรังสี UV, เปลี่ยนสีอัตโนมัติตามความเข้มของแสง, กรองแสงสีฟ้าจากหน้าจอ, เคลือบผิวเลนส์ตัดแสงสะท้อนและป้องกันคราบสกปรก เป็นต้น ซึ่งก็มีผลต่อราคาพอสมควร
ปรับตัวยากแค่ไหน ใส่แล้วไม่เวียนหัวจริงเหรอ?
ยอมรับว่าครั้งแรกก็กลัวว่าใส่แว่นใหม่แล้วจะขับรถกลับบ้านได้ไหม หรือกลับให้ถึงบ้านก่อนแล้วค่อยสวมใส่ให้ชินก่อน แต่ด้วยโครงสร้างเลนส์ที่เหนือชั้น ใช้เทคโนโลยีที่ล้ำสมัย สามารถใส่แว่นโปรเกรสซีฟแล้วเดินออกจากร้านแว่น ใช้ชีวิตประจำวันได้ตามปกติ โดยไม่ต้องกังวลว่าจะเวียนหัวหรือเดินลำบากเหมือนพื้นลอย ๆ
เลนส์ Varilux เป็นเลนส์โปรเกรสซีฟที่สวมใส่แล้วสามารถปรับสายตาได้เร็วเกินคาด จากการทดลองใช้งานจริง ใช้เวลาเพียง 1-2 ชั่วโมงเท่านั้นก็จะปรับตัวได้ โดยจะต้องไม่กลับไปใส่แว่นเดิมอีกเลย เมื่อต้องการอ่านหนังสือหรือใช้คีย์บอร์ดของโน้ตบุ๊ก (ระยะประมาณ 30-40 เซนติเมตร) ก็เพียงแค่เหลือบตาลง มองผ่านส่วนล่างของเลนส์โดยไม่ต้องก้มหน้าลงจนปวดคอ เมื่อต้องการมองระยะกลาง ๆ (1.0-2.5 เมตร) หรือระยะไกลกว่านั้น ก็เหลือบตาขึ้น ไม่ต้องเชิดหน้าขึ้น ภาพที่เห็นก็จะคมชัด ไม่ต้องก้มเงยจนปวดคอ แค่ปรับมุมเหลือบตา ส่วนการมองซ้ายขวา จะต้องหันหน้าตามบ้างพอสมควร เพราะการมองผ่านพื้นที่ใกล้ขอบเลนส์ซ้ายขวา ระยะโฟกัสจะไม่เท่ากับการมองตรง แต่ในช่วง 2 ชั่วโมงของการทดสอบใช้งาน ให้ระวังการเดินลงบันได เพราะผู้สวมใส่ส่วนใหญ่กำลังปรับสายตากับเลนส์ใหม่ จนกะระยะการเหยียบพื้นบันไดหรือพื้นต่างระดับผิดพลาดไปบ้าง แต่เมื่อผ่านไปไม่กี่ชั่วโมง สายตาก็จะปรับเข้าที่ ทั้งนี้แนะนำว่าไม่ควรกลับมาแว่นเก่าอีกต่อไปเมื่อสายตาปรับตัวกับเลนส์ใหม่ได้แล้ว
วัย 40+ ได้เวลาต้องเปลี่ยนมาใช้แว่นโปรเกรสซีฟ
เพื่อบุคลิกที่ดูดีตลอดเวลา ไม่ต้องถอด ๆ ใส่ ๆ แว่นตาตามระยะการมอง มองเห็นสบายตาและชัดทุกระยะด้วยเลนส์โปรเกรสซีฟ เลือกกรอบแว่นที่เสริมบุคลิก เหมาะสมกับรูปหน้า มั่นใจไม่ว่าจะเดินไปไหนหรือขับรถทางไกล ใช้ชีวิตได้แฮปปี้กว่าที่เคย ลงทุนเปลี่ยนมาใช้เลนส์โปรเกรสซีฟ คุ้มค่าในระยะยาวแน่นอน แม้ว่าราคาอยู่ที่หมื่นกว่าบาทไปจนถึงสองหมื่นปลาย ๆ ถือว่าสูง แต่หากดูแลรักษาดี ๆ บวกกับบุคลิกที่ดูดีกว่าผู้สูงวัยทั่วไป ก็เหมือนได้ใช้ชีวิตแบบวัยหนุ่มสาวอีกครั้ง ทำอะไรก็คล่องตัวไปหมดจริง ๆค้นหาข้อมูลเพิ่มเติม และร้านแว่นตาใกล้บ้านได้ที่ http://bit.ly/essilornxtstore หรือ Facebook ของ Essilor ได้ที่ www.facebook.com/EssilorThailand/ และเจาะจงเลือก Essilor ทุกครั้งที่ตัดเลนส์แว่นใหม่
COMMENTS