Asus Zenbook Duo UX481FL โน้ตบุ๊กแห่งโลกอนาคตที่เป็นเจ้าของได้แล้วตั้งแต่วันนี้ ในราคาที่ไม่แพงเลย เพียง 34,990 บาทสำหรับรุ่นที่ใช้ CPU Core i5 + 512GB SSD และ 39,990 บาทสำหรับรุ่นที่ใช้ CPU Core i7 + 1TB SSD ต่างกัน 5,000 บาท เลือกกันได้เลยตามงบประมาณ โดยเครื่องที่รีวิวในบทความนี้เป็นรุ่น Core i5 ก็ถือว่าตอบโจทย์เพียงพอแล้วสำหรับผู้ใช้งานในลักษณะ Content Creator ที่เน้น Graphic และ Entertainment กับราคา 3 หมื่นกลาง ๆ ยังไม่รวมส่วนลดจากร้านค้าที่ให้เพิ่มเติมอีก หักลบแล้วเหลือ 3 หมื่นต้น ๆ ถือว่าคุ้ม
ทุกครั้งที่พกพา Zenbook Duo UX481FL ออกไปนั่งทำงานที่ร้านกาแฟ หรือ Co-Working Space เมื่อเปิดเครื่องขึ้นมา ใคร ๆ ก็มองและว้าวกับโน้ตบุ๊กที่โดดเด่นด้วยหน้าจอสีสวยอย่างมาก สีอิ่มสดใส ขอบจอบาง และมีจอภาพที่สองเป็นแนวยาวเต็มความกว้างเหนือคีย์บอร์ด เมื่อให้เพื่อน ๆ ได้ลองทายราคา ใคร ๆ ก็ตกใจเมื่อบอกว่าราคาเพียง 3 หมื่นกว่าบาท นึกว่าราคา 5-6 หมื่นกันทั้งนั้น เพราะมีทั้งสองหน้าจอและมีปากกา Stylus พร้อมเคสหนังแถมมาด้วย
สเปกที่น่าสนใจของ Zenbook Duo UX481FL (รหัส UX481FL-BM050T)
CPU: Intel Core i5-10210U (10th Gen)Graphics: Nvidia GeForce MX250 (2GB GDDR5)
RAM: 16GB LPDDR3 (2133MHz) on-board
Storage: 512GB PCIEG3x2 NVME SSD
Screen: 14-inch, LCD Full HD (1920 x 1080), 12.6-inch Full HD (1920 x 515) touch display
Ports: 1 x USB 3.1 Type-C, 2 x USB 3.1 Type-A, 1 x HDMI 2.0, 1 x microSD reader
Connectivity: Intel Wi-Fi 6 with Gig+ performance (802.11ax), Bluetooth 5.0
Camera: IR webcam with Windows Hello support
OS: Windows 10 Home
Weight: 1.5kg
Size: 32.3 x 22.3 x 1.99 cm
ยลโฉมดีไซน์
เมื่อแกะกล่อง พบกับซองหนังคุณภาพดี ฝาปิดแม่เหล็ก จากนั้นพบกับตัวเครื่อง Zenbook Duo UX481FL สี Celestial Blue วัสดุดีเยี่ยมทุกมิติ ถัดไปเป็น AC Adapter ขนาดเล็กน้ำหนักเบา พกพาสะดวก พร้อมปากกา Stylus ที่มีแบตเตอรี่อยู่ภายในพร้อมใช้งานทันที เฉพาะตัวเครื่อง มีน้ำหนัก 1.5kg บวกกับ Adapter, ซองหนัง และปากกาสไตลัส น้ำหนักรวมกันก็ยังไม่ถึง 2kg ถือว่าน้ำหนักกำลังดี ไม่หนักเกินไปสำหรับวัยทำงานหนุ่มสาว
เมื่อกดปุ่ม Power เปิดเครื่อง บูตพร้อมใช้งานอย่างรวดเร็วมาก ตะลึงกับหน้าจอหลักขนาด 14 นิ้วขอบบาง คมชัดระดับ Full HD ที่ให้สีสันสดใสสวยงามอลังการสุด ๆ รองรับ 100% DCI-P3 และ 133% sRGB Color Gamut ทำให้เรามองเห็นเฉดสีที่กว้างขึ้นในแบบที่ไม่เคยเห็นใน PC ทั่วไประดับราคานี้ ถูกใจคนทำงาน Graphic, เล่นเกม และดูภาพยนตร์แน่นอน มั่นใจว่าถ้าเห็นด้วยตาตนเอง ทุกคนจะต้องชื่นชอบหน้าจอหลักของ Zenbook Duo UX481FL ซึ่งใช้จอ IPS เกรดสูงพิเศษ
ส่วนหน้าจอเล็ก 12.6 นิ้วเหนือคีย์บอร์ด สีสันอาจจะไม่สดใสเท่าจอหลัก แต่เป็นหน้าจอที่แข็งแรง รองรับการสัมผัสด้วยนิ้วและการขีดเขียนด้วยปากกาสไตลัส ตอบสนองการสัมผัสและขีดเขียนได้รวดเร็ว ความคมชัดสูง มุมมองกว้าง สามารถประยุกต์ใช้งานหน้าจอเล็กนี้ได้หลากหลาย ต่อขยายมุมมองส่วนล่างจากจอใหญ่ก็ได้ หรือเปิดหน้าต่างย่อยหลายอันเพื่อแยกทำงานกับจอหลักก็ได้ ทดลองเปิด 1+3 หน้าต่างพร้อมกัน ก็ทำงานได้ดี ไม่มีสะดุด
สรุปการทดสอบใช้งาน
ตัวเครื่องมีตัวรับสัญญาณ Wi-Fi จากอินเทลที่พร้อมรองรับมาตรฐาน Wi-Fi 6 เรียบร้อยแล้ว หากที่บ้านหรือออฟฟิศสมัครใช้ Internet Fiber 1Gbps ควบคู่กับใช้ Router ที่ปล่อยสัญญาณ Wi-Fi 802.11ax ก็สามารถใช้งานอินเทอร์เน็ตความเร็วสูงระดับ 800Mbps ขึ้นไปได้ทันทีผ่าน WLAN และเต็ม 1Gbps ผ่าน LAN (ใช้อุปกรณ์เสริมที่รองรับ Gigabit Ethernet)
คีย์บอร์ด รู้สึกว่ามีขนาดค่อนข้างเล็กไปนิด แต่ก็สามารถพิมพ์ได้ค่อนข้างถนัดดี ปรับตัวไม่นานก็จะคล่อง มี TouchPad เล็ก ๆ ที่เพียงพอกับการใช้งานโดยอาจไม่ต้องพกพา Wireless Mouse ก็ได้
ทั้งตัวเครื่องและหน้าจอ ไม่มีส่วนใดที่เป็นผิวมันวาวแบบ Glossy ทำให้เปื้อนยาก ดูแลรักษาและทำความสะอาดได้ง่ายมาก คีย์บอร์ดยกลอยเหนือพื้นโต๊ะ ช่วยระบายความร้อนได้ดี พิมพ์ได้สะดวก ส่วนลำโพงก็ให้เสียงที่ชัดเจนดี มีการปรับจูนเสียงให้ลงตัวโดย harman kardon ให้มิติเสียงและอรรถรสที่ดีสำหรับการใช้งานด้าน Entertainment
กล้อง IR Webcam รองรับ Windows Hello สามารถสแกนใบหน้าได้แม่นยำดีแม้ในสภาวะแสงน้อย ซึ่งบ่อยครั้งที่เราอาจต้องทำงานในมุมค่อนข้างสลัว ๆ ในร้านกาแฟตอนกลางคืน ก็ไม่มีปัญหาใด ๆ สำหรับ Zenbook Duo UX481FL
ตัวเครื่องมีการรับประกัน 2 ปีทั่วโลก โดยในปีแรกมีประกันอุบัติเหตุ ฟรีทั้งค่าแรงและอะไหล่ ไม่ต้องกังวลว่าตัวเครื่องตกหล่น น้ำหกใส่ หรือไฟฟ้าลัดวงจร ก็สามารถรับบริการได้ 1 ครั้งภายในปีแรก โดยเอซุสช่วย Support ค่าใช้จ่ายในการซ่อมถึง 80%
ด้วยราคา 3 หมื่นกว่าบาท แลกมากับนวัตกรรมล้ำอนาคต และการใช้งานที่ให้ประสิทธิภาพราบรื่นดีมาก ถือว่าคุ้ม การที่มีสองหน้าจอ ช่วยให้การทำงานนอกสถานที่สะดวกมากขึ้นจริง ๆ หากจะให้ติ ก็คงมีเรื่องเดียว คือ แผง Keyboard กับ TouchPad ที่จัดวางแบบแน่นมาก ๆ ถูกลดขนาดลงมาเพื่อความกะทัดรัด แต่ก็ไม่ใช่ปัญหา ปรับตัวไม่นานก็จะคุ้นชินและถนัดมากขึ้น
ด้วยราคา 3 หมื่นกว่าบาท แลกมากับนวัตกรรมล้ำอนาคต และการใช้งานที่ให้ประสิทธิภาพราบรื่นดีมาก ถือว่าคุ้ม การที่มีสองหน้าจอ ช่วยให้การทำงานนอกสถานที่สะดวกมากขึ้นจริง ๆ หากจะให้ติ ก็คงมีเรื่องเดียว คือ แผง Keyboard กับ TouchPad ที่จัดวางแบบแน่นมาก ๆ ถูกลดขนาดลงมาเพื่อความกะทัดรัด แต่ก็ไม่ใช่ปัญหา ปรับตัวไม่นานก็จะคุ้นชินและถนัดมากขึ้น
COMMENTS