Fyne Audio F300 ลำโพงรุ่นเล็กสุด ราคาเพียง 7,990 บาท ถือว่าเป็นลำโพงแบรนด์ใหม่ที่มีกระแสตอบรับที่มาแรงอย่างมากและขายดีมากตั้งแต่ปลายปี 2562 มาจนถึงซัมเมอร์ปี 2563 ก็ยังคงแรงต่อเนื่อง ด้วยราคาที่เป็นเจ้าของได้ง่ายในทุกรุ่น มีให้เลือกหลายรุ่น กวาดทุกระดับราคา ได้รางวัลมากมายจากสื่อชั้นนำในหลายประเทศ
Fyne Audio (ไฟน์ ออดิโอ) เป็นลำโพงแบรนด์ใหม่โดยฝีมือวิศวกรที่เคยออกแบบลำโพง Tannoy ที่หลายคนน่าจะคุ้นเคย เป็นลำโพงสัญชาติ Scotland แต่ออกแบบและวิจัยใน UK โดยรุ่นแรกเริ่มที่ประสบความสำเร็จมากที่สุดจนทำให้แบรนด์ Fyne Audio แจ้งเกิดจนโด่งดังไปทั่วโลก คือรุ่น F301 อันเป็นุร่นยอดนิยมที่ขายดี ราคาในไทยอยู่ที่ 11,000 บาท แต่รุ่นที่รีวิวในบทความนี้ เป็นรุ่น F300 ที่ย่อส่วนลงมาอีกนิด สามารถใช้เป็นลำโพงวางหิ้งคู่หลักสำหรับฟังเพลงในห้องเล็ก ๆ หรือใช้งานเป็นลำโพง Surround แชนเนลหลังในระบบ Home Theater ก็ได้
ข้อมูลจำเพาะของ Fyne Audio F300
System Type | 2 way, rear ported |
Recommended amplifier power | 20-70W RMS |
Continuous power handling | 35W RMS |
Sensitivity (2.83 Volt @ 1m) | 87dB |
Nominal impedance | 8 Ohm |
Frequency response (-6dB typical in room) | 54Hz- 28kHz |
Drive unit complement | 1 x 125mm multi-fibre bass / mid 1 x 25mm polyester dome tweeter |
Crossover frequency | 3.4kHz |
Crossover type | 2nd order low pass, 3rd order high pass |
Dimensions - HxWxD | 250 x 156 x 211mm (9.8 x 6.1 x 8.3”) |
Weight - Each | 3.7kg |
Finishes | Walnut / Black Ash / Light Oak |
แรกเห็นก็ประทับใจในความสวยงามที่ดูทันสมัยผสมผสานความ Classic มีเสน่ห์ตรงที่ส่วนบนของหน้าตู้ลำโพง ตรงลำโพงทวีตเตอร์ครอบด้วยพลาสติกสีดำ Glossy อันเป็นเอกลักษณ์ของ Fyne Audio F-Series เมื่อถอดหน้ากากผ้าที่ยึดด้วยแม่เหล็กออกมา ก็พบกับลำโพงวูฟเฟอร์ที่สวยงามทั้งโดม ไดอะแฟรมสีเงินวาวทำด้วย Multifibre และขอบยางที่ออกแบบพิเศษ ที่ยืดหยุ่นและมีเสถียรภาพที่ดีไม่ว่าจะมีการขยับตัวมากเพียงใด
วิศวกรที่ออกแบบ มีการใช้เทคนิคกำจัดแรงสั่นสะเทือนที่รบกวนตัวขับเสียงโดยใช้ “IsoFlare” กำหนดจุดกึ่งกลางของเสียงกลาง/ต่ำจากวูฟเฟอร์ด้วยเสียงสูงจากทวีตเตอร์ เพื่อสร้างมิติโฟกัสที่ชัดเจน แม้กระทั่งส่วนที่อยู่นอกแนวกระจายเสียง โดยคลื่นเสียงจะถูกกระจายไปในทิศทางที่ถูกต้องตามการกระพือของวูฟเฟอร์ เสียงที่เกิดขึ้นจึงเหมือนดังจากจุดเดียวกันในอากาศ และใช้เทคนิคอย่างที่สองเสริม นั่นคือจุดตัดแบ่งความถี่ (Crossover Frequency) ลำโพงรุ่นนี้มีจุดตัดแบ่ง 1 จุดที่ตำแหน่ง 3.4kHz แต่ใช้ 3 ออร์เดอร์ นั่นคือใช้ออร์เดอร์ที่ 2 สำหรับความถี่ต่ำ (Low Pass) และใช้ออร์เดอร์ที่ 3 สำหรับความถี่สูง (High Pass) ค่า 3.4kHz ถือเป็นจุดตัดที่ค่อนข้างสูงเมื่อเทียบกับจุดตัดที่ต่ำกว่านี้ที่นิยมใช้กันในลำโพงขนาดเดียวกัน ค่านี้ทำให้วูฟเฟอร์ทำงานเต็มที่จนเกือบจะเป็นฟูลเรนจ์ (54Hz - 3.4kHz) เสียงกลางและทุ้มของ F300 จึงสะดุดหูมากกว่าเสียงแหลม แต่เป็นการสะดุดหูที่ไม่เน้นพละกำลัง ไม่เน้นอวบอิ่มจนเสียจังหวะที่ดีไป
ตัวขับเสียงใช้วูฟเฟอร์ 5 นิ้ว โครงอะลูมิเนียมแข็งแกร่งแบบไม่ก่อเสียงก้องสะท้อน ด้านหลังมีช่องระบายความร้อนให้แม่เหล็กนีโอไดเมียม ไฮไลต์อยู่ตรงไดอะแฟรมสีเงินวาวที่ใช้กระดาษหลายชนิด (Multifibre) เพื่อผสานสำเนียงเสียงที่เป็นธรรมชาติกับเสียงที่สะอาดเข้าด้วยกันขอบล้อมรอบผลิตด้วย Fyneflute Surround Technology เป็นยางผิวหน้าไม่เรียบกลมเหมือนทั่วไป ใช้การบากเนื้อยางและเว้นช่อง ทำแบบนี้รอบไดอะแฟรม เพื่อสร้างแรงผลักแบบเดียวกับดอกสว่าน ช่วยให้วูฟเฟอร์ขยับตัวเป็นวงกว้างด้วยความนิ่งตรึง ไม่ยวบยุบ หากใช้นิ้วกดจะรู้สึกได้ แกนกลางวูฟเฟอร์ติดตั้งเฟสปลั๊กแบบหัวกระสุนสีดำเพื่อจูนมิติโฟกัสเสียงกลางและทุ้มให้คมชัด ด้านทวีตเตอร์ใช้โดมผ้าโพลีเอสเตอร์ขนาด 1 นิ้ว มีเวฟไกด์เกลี่ยความถี่ให้ราบเรียบ ด้านหน้าครอบด้วยตะแกรงพลาสติก (ขยับหมุนเพื่อถอดออกได้)
F300 ให้มุมกระจายเสียงกว้างเกินตัว จำลองเวทีด้านลึกและกว้าง เสียงแหลมไปไกลถึง 28kHz เสียงต่ำลงลึกถึง 54Hz แต่หากต้องการเสียงต่ำที่ลึกกว่านี้ แนะนำเป็นรุ่น F301 ลงลึกได้ถึง 44Hz
ยลโฉมดีไซน์กันไปแล้ว จะเห็นได้ว่าสวยเนี๊ยบทุกมุมมอง มองนาน ๆ ก็ดูไม่เบื่อ เมื่อแกะกล่องออกมาแล้ว ก็ทดสอบเสียงกับ Amplifier ทั้งจากมินิคอมโปตัวแรงในตำนานจาก Sony และทดสอบเสียงกับ Onkyo AV Receiver สำหรับการรับชมคอนเสิร์ตกับภาพยนตร์
วางประกบกับมินิคอมโป ดูเป็นลำโพงเล็ก ๆ ไซส์น่ารักกำลังดี ก็เป็นทางเลือกที่น่าสนใจสำหรับผู้ใช้เครื่องเสียงแบบ Mini / Micro Component ที่อยากจะอัพเกรดคุณภาพเสียง สำหรับใช้ฟังเพลงในห้องนอน แล้วในอนาคตก็สามารถอัพเกรดเครื่องขยายเสียงเป็น Integrated Amplifier ที่รองรับ Bluetooth หรือสามารถฟังเพลงออนไลน์ Streaming ตามเทรนด์ใหม่ของการฟังเพลงในยุคนี้ โดยเก็บลำโพง Fyne Audio ไว้ใช้ได้อีกยาวนาน
ภาคขยายเสียงของ Sony W และ WX Series อันโด่งดังในตำนาน ที่ปัจจุบันยังได้รับความนิยมในตลาดเครื่องเสียงมือสอง ขึ้นชื่อในเรื่องพลังขับที่เยอะ และใช้ Capacitor ตัวใหญ่ ให้พลังเบสสะใจแบบไม่มีอั้น เมื่อนำมาขับลำโพง Fyne Audio F300 ตั้งแต่ชั่วโมงแรกของการเบิร์น ก็สร้างประทับใจได้ดีเยี่ยมตั้งแต่เสียงแรกที่ได้ยิน
F300 ในระยะแรกที่ยังไม่พ้นช่วงเบิร์น ก็ให้ประสบการณ์ที่ดี ให้เสียงใหญ่เกินตัวไปเยอะมาก เบสลูกใหญ่หนากำลังดี ลึกพอตัว เสียงกลางคมชัดแต่ไม่ถึงหวานฉ่ำ เสียงแหลมบางไปหน่อย ปรับ EQ สักหน่อย ช่วยให้เสียงน่าฟังมากขึ้น ยิ่งเบิร์น เสียงแหลมยิ่งดีขึ้นเรื่อย ๆ ยิ่งไพเราะ ฟังได้นาน ไม่บาดหู ในขณะที่เบส ก็กระชับตัวดี ไม่ฟุ้ง ลงลึกดีขึ้นอีกนิด
F300 กับภาคขยายเสียงของมินิคอมโปรุ่นเก่าที่เน้นพลังระดับนี้ ดึงประสิทธิภาพของลำโพงออกมาได้ดีเหลือเชื่อ เข้ากันได้ดี
ทดสอบใช้งานกับ AV Receiver แต่ฟังในแบบสเตอริโอ 2 แชนเนล ทดลองเปิดภาพยนตร์กับคอนเสิร์ต ไม่เปิดการจำลองเสียง Surround ฟังทั้งแบบ Direct และแบบที่ปรับ EQ เล็กน้อย F300 ก็ให้มิติเสียงที่ดี เสียงร้องและเสียงพูดคมชัด ไม่หลบไปข้างหลังหรือโดดล้ำออกมาใกล้คนฟังมากเกินไป ตำแหน่งเครื่องดนตรียังไม่เป๊ะแต่ก็พอจับตำแหน่งได้ ยิ่งฟังยิ่งเพลิน ยิ่งเบิร์นยิ่งดี จนรู้สึกว่าถ้ามี Subwoofer มาเสริมในระบบ 2.1 แชนเนล จะได้อรรถรสที่ดีสำหรับการชมภาพยนตร์และคอนเสิร์ต
ในขณะที่รีวิว ยังเบิร์นเพียงแค่ 5-6 ชั่วโมง อีกหลายสัปดาห์กว่าจะครบ 100 ชั่วโมง แต่ก็รู้สึกได้ว่าเสียงเริ่มเข้าที่เข้าทางดีขึ้น โทนัลบาลานซ์ยิ่งดีชัดเจนขึ้นจริงอย่างที่หลายสื่อได้เคยรีวิวไว้ก่อนหน้านี้ เสียงแหลมเริ่มแผ่กว้างกระจายตัวแหวกอากาศได้ดีขึ้น จากเดิมที่เพิ่งแกะกล่อง เสียงแหลมบางและกระจุกตัวแคบ ๆ ย่านเบสก็มีทรวดทรงที่หนาและชัดเจนมากขึ้น การแยกชิ้นเครื่องดนตรี ก็ทำได้ดีขึ้นเรื่อย ๆ
ข้อสังเกตของลำโพง Fyne Audio F300 คือ กินวัตต์จริงตามสเปกที่ระบุว่า 87dB จึงต้องใช้เครื่องขยายเสียงวัตต์สูงหน่อย สักประมาณ 50-70W RMS เพิ่มระดับโวลุ่มมากกว่าลำโพงหลายคู่ที่เคยทดสอบมา จึงจะได้ระดับความดังปกติที่ฟังกัน เพราะฉะนั้น หากคิดนำมาจับคู่กับ Intergrated Amplifier ตัวบาง ๆ ที่ให้กำลังขับ 30+30W นั้นคงไม่เพียงพอแล้ว และควรจะต้องมี Tone Control หรือ Loudness ยกระดับ Deep Bass กับปลายเสียงแหลมสักนิด ก็จะทำให้เสียงน่าฟังมากขึ้น
เพิ่มงบอีกนิด เลือกรุ่นใหญ่ขึ้นเป็น Fyne Audio F301 ราคา 11,000 บาท ก็เป็นทางเลือกที่น่าสนใจ ได้ลำโพงวูฟเฟอร์ใหญ่ขึ้นจาก 5 เป็น 6 นิ้ว ได้เบสลูกใหญ่หนาและลงลึกยิ่งขึ้น แต่ไม่ว่าจะเป็น F300 หรือ F301 ก็ต้องจับคู่กับ Amplifier วัตต์ค่อนข้างสูงเช่นกัน จึงจะขับเสียงของลำโพงออกมาได้เต็มประสิทธิภาพ
COMMENTS