ใหม่! Fitbit Charge 4 พัฒนาการอีกขั้นเหนือระดับจากรุ่น Charge 3 ที่มีจุดเด่นคือมี Built-in GPS ในตัวแล้ว มั่นใจได้ในความแม่นยำสุด ๆ เอาใจนักกีฬาและผู้ที่ชื่นชอบการขี่จักรยานหรือวิ่งออกกำลังกายนอกสถานที่สู่ถนนเส้นทางใหม่อันท้าทายและน่าตื่นเต้นอยู่เสมอ บวกกับฟีเจอร์สำคัญที่ Fitness Tracker ยุคนี้ต้องมี คือ รองรับการควบคุมเพลงบน Spotify, กันน้ำลึก 50 เมตร, แบตเตอรี่อึดนานสูงสุด 7 วัน, มี SpO2 Sensor และอีกจุดเด่นหนึ่งที่ Fitbit เน้นนำเสนอในรุ่นใหม่นี้ คือ Active Zone Minutes จะช่วยวัดอัตราการเต้นของหัวใจผ่านระบบ PurePulse® 24/7 ของฟิตบิท ผ่านการออกกำลังกายหลายรูปแบบ
โดยส่วนตัวแล้ว ได้ใช้ Fitbit ต่อเนื่องมาหลายปีตั้งแต่รุ่น Charge 2 มาจนถึง Charge 4 สีม่วงอันนี้ ราคาเปิดตัวยังคงเดิม คือ 6,490 บาทเหมือน Charge ทุกรุ่นที่ผ่านมา ขนาดหน้าจอและสายรัด คงยังมีขนาดใกล้เคียงกัน แต่หน้าจอนั้น มีความละเอียดสูงขึ้นไปอีก คมกริบ อ่านง่าย เป็นหน้าจอ OLED ที่แสดงเฉดสี Grayscale ได้ 2 สี คือสีขาวและสีเทา มีความสว่างมาก สู้แสงกลางแจ้งได้สบาย และปรับระดับความสว่างได้ ตอบสนองการสัมผัสได้ไว ถือว่าหน้าจอพัฒนาดีขึ้นเมื่อเทียบกับรุ่นก่อนหน้า
บางคนอาจจะคิดว่า Fitness Tracker ระดับราคา 6 พันกว่าบาท ทำไมจึงได้แค่หน้าจอขาวดำ ซึ่งบอกได้เลยว่า หน้าจอสีนั้น ไม่ใช่สิ่งจำเป็นสำหรับนักกีฬาและผู้ที่รักการออกกำลังกายจริงจัง ที่ต้องการหน้าจอที่มองเห็นชัดเจน อ่านง่ายแม้กลางแดดจัด บวกกับแอปพลิเคชั่นที่วิเคราะห์ได้แบบ Advance และการเก็บข้อมูลในระบบ Cloud เป็นจุดเด่นของ Fitbit ที่หาไม่ได้ใน Fitness Tracker หรือสายรัดข้อมือจอสีราคาถูกแค่หลักร้อยบาททั่วไป ที่อาจมีดีแค่จอสีกับสายรัดแฟชั่นสีสวย แต่แอปพลิเคชั่นจากผู้ผลิตเหล่านั้นไม่สามารถนำข้อมูลการออกกำลังกายของผู้สวมใส่ ไปวิเคราะห์อย่างละเอียดเพื่อสุขภาพที่ดีในระยะยาวได้เลย มีเพียงแค่การนับก้าวเดินที่ไม่แม่นยำกับการแจ้งเตือนเมื่อมีสายเรียกเข้า ก็เป็นเหมือนแค่ Gadget ของเล่นชิ้นหนึ่ง
Fitbit Charge 4 ที่รีวิวในบทความนี้ เป็นสี Rosewood โทนสีม่วงเข้มที่สาวกฟิตบิทคุ้นเคยกันอยู่แล้ว นอกจากนี้ก็ยังสีดำ Storm Blue/Black ให้เลือก กับอีกแบบที่มีทั้งสายสีดำกับสายผ้าสีดำแกรนิตในกล่อง เป็น Special Edition ที่เพิ่มราคาอีก 500 บาท เป็น 6,990 บาท ก็ถือว่าคุ้ม
ภายในกล่องมีมาให้ทั้งสายสั้นกับสายยาว เลือกใช้ตามขนาดข้อมือ ผิวสายรัดมี Texture สวยงาม และทำความสะอาดได้ง่าย วัสดุทนทานและดูดี
ความหนาของสาย Charge 4 ถูกลดให้บางลงเมื่อเทียบกับ Charge 2 ทำให้ไม่เกะกะเมื่อสวมใส่เสื้อแขนยาวหรือปลอกแขนขี่จักรยาน และเปลี่ยนจากปุ่มกดโลหะที่มีในรุ่น Charge 2 มาเป็นปุ่มสั่งงานแบบ Soft Touch ที่ทนทาน ตอบสนองได้เร็ว และกันน้ำลึกได้ดีขึ้น
Sensor ที่แม่นยำและไม่นูนออกมา ทำให้ไม่ค่อยเกิดรอยบนผิวหนังเมื่อรัดสายแน่นเกินไป
ห่วงรัดสาย มีเพียงห่วงเดียวพร้อมเดือย ทำให้รัดได้แน่น ออกกำลังกายหนักหน่วงแค่ไหนก็ไม่ต้องกังวลว่าฟิตบิทจะหลุดหล่นหาย
ชาร์จง่ายและแน่นจริง ด้วยที่ชาร์จแบบสปริงหนีบ ไม่ต้องถอดสาย
สวมใส่ได้นานตลอดทั้งวัน และใส่นอนได้สบายตลอดคืน น้ำหนักเบา สายรัดไม่หนา ไม่รู้สึกเกะกะในทุกกิจกรรมของชีวิตประจำวัน หากเบื่อสายรัดเดิม ๆ ก็สามารถสั่งซื้อสาย Fitbit Original ของแท้แบบอื่นได้ในช่องทางออนไลน์
ดูข้อมูล Tracking ของร่างกายได้ละเอียดบนแอปพลิเคชั่น Fitbit และจะวิเคราะห์ได้ลึกมากขึ้นเมื่อสมัครใช้บริการ Fitbit Premium รายเดือน ซึ่งขณะนี้เปิดให้ทดลองใช้ฟรี 90 วันแรก
วิเคราะห์การนอนหลับอย่างละเอียดสุด ๆ นอนกลางวันหรือหลับงีบระยะสั้น ก็เก็บข้อมูลให้ครบ พร้อมคำแนะนำว่าควรปรับตัวอย่างไรเพื่อให้เป็นการนอนหลับสนิทแบบที่ดีต่อสุขภาพ
เก็บข้อมูลละเอียดในทุกช่วงเวลา ทุกกิจกรรม ทุกการเคลื่อนไหว เพราะมีผลต่อสุขภาพ
ดูข้อมูลย้อนหลังเกี่ยวกับการเผาผลาญแคลอรีในแต่ละวัน
Active Zone Minutes เป็นฟีเจอร์ใหม่ที่เริ่มเปิดใช้งานแล้วบน Fitbit Charge 4 นำร่องก่อนขยายไปอัพเกรดสู่ Fitbit รุ่นอื่นต่อไป
เพราะแต่ละคนมีกิจกรรมที่แตกต่างกันในแต่ละวัน ทำให้ฟิตบิทคิดค้น Active Zone Minutes ออกมาให้ผู้ใช้เข้าใจกิจวัตรและผลลัพธ์ต่อสุขภาพโดยรวมของตนเองมากกว่าจำนวนก้าวเดินในแต่ละวัน โดย Active Zone Minutes จะช่วยวัดอัตราการเต้นของหัวใจผ่านระบบ PurePulse® 24/7 ของฟิตบิท ผ่านการออกกำลังกายหลายรูปแบบ อาทิ HIIT โยคะ หรือเดินเร็ว ซึ่งในแต่ละนาทีของกิจกรรมเผาผลาญไขมัน ผู้ใช้จะได้รับเครดิตและดับเบิลเครดิตสำหรับกิจกรรมที่ใช้พลังงานมากขึ้นในคาดิโอและกิจกรรมขั้นสูง โดย Active Zone Minutes จะช่วยให้ผู้ใช้เข้าใจการออกกำลังกายของตัวเองและปริมาณการออกกำลังกายในแบบเฉพาะตัวให้เข้ากับเป้าหมายรายวันและรายสัปดาห์ นอกจากนี้ยังมาพร้อมกับระบบเตือนแบบ real-time ขณะออกกำลังกาย เพื่อให้ผู้ใช้สามารถประเมินว่าควรเพิ่มหรือลดความหนักจากกิจกรรมที่ทำอยู่ โดยหลังการออกกำลังกาย ฟิตบิทสามารถประมวลอัตราการเต้นของหัวใจโดยรวมในแอปพลิเคชัน เพื่อให้ผู้ใช้พร้อมท้าทายตัวเองในทุก ๆ วันและทำให้ทุกนาทีคุ้มค่าและมีความหมายที่สุด
Active Zone Minutes ถูกพัฒนาขึ้นตามคำแนะนำด้านสุขภาพจากสถาบันด้านสุขภาพระดับโลก ซึ่งรวมไปถึง World Health Organization (WHO) และ American Heart Association ซึ่งแนะนำให้ออกกำลังกายแบบทั่วไป 150 นาที และออกกำลังแบบหนัก 75 นาทีต่อสัปดาห์ เพื่อสุขภาพกายและใจที่แข็งแรง ป้องกันโรคต่าง ๆ พัฒนาการทำงานของสมอง ลดภาวะกระสับกระส่าย และเพิ่มคุณภาพการนอนหลับ
ภายในแอปฯ มีคำแนะนำที่น่าสนใจสำหรับคนรักสุขภาพอย่างจริงจัง
สำหรับผู้ใช้ฟิตบิทที่ต้องการเพิ่มประสบการณ์การใช้งานด้านคำแนะนำ การดูแล และเพิ่มแรงบันดาลใจ ด้านสุขภาพ Fitbit Premium ก็เป็น Option ที่น่าสนใจ โดยแอปฯ จะนำเสนอข้อมูลเชิงลึกที่ฟิตบิทรวบรวมมาเป็นเวลามากกว่า 10 ปี รวมถึงความเชี่ยวชาญทางด้านวิชาการและการแพทย์ เพื่อช่วยดูแลผู้ใช้ด้วยโปรแกรมแนะนำแบบเฉพาะบุคคล ทั้งในส่วนของพฤติกรรมการนอนหลับ ข้อมูลส่วนตัวเชิงลึก การออกกำลังกายกว่าพันรายการ การตั้งเป้าหมายท้าทายใหม่ ๆ พร้อมผลลัพธ์ด้านสุขภาพที่ช่วยให้ทุกคนขยับร่างกายมากขึ้น นอนหลับสนิทมากขึ้น และมีโภชนาการที่ดีขึ้น เป็นบริการเสริมที่มีส่วนช่วยในการพัฒนาสุขภาพและความแข็งแรงของผู้ใช้ อัตราค่าสมาชิกอยู่ที่ 300 บาทต่อเดือน หรือเหมาจ่าย 2,500 บาทต่อปี
Clock Face สามารถเปลี่ยนได้หลายแบบ เท่าที่มีให้เลือกบนแอปพลิเคชั่น ดาวน์โหลดเพิ่มไม่ได้
FitbitPay™ ก็เป็นทางเลือกใหม่ในการชำระเงินในร้านค้าที่รองรับ เพียงแค่ผูกบัตรเครดิตหรือบัตรเดบิตกับแอปพลิเคชั่น ก็สามารถชำระเงินง่าย ๆ ด้วยการยื่น Fitbit ไปใกล้ ๆ เครื่อง EDC (Electronic Data Capture) ไม่ต้องหยิบบัตรจริงมารูด ปลอดภัยจากโรคระบาดและสะดวกยิ่งกว่า ปัจจุบันมีมากกว่า 500 ร้านค้าใน 44 ประเทศ และระบบขนส่งกว่า 10 แห่งทั่วโลกที่รองรับแล้ว
การควบคุมเพลงบน Fitbit Charge 4 จะต้องเป็นผู้ใช้ Spotify Premium เท่านั้น แบบฟรีจะใช้ไม่ได้ ซึ่งผู้ใช้สามารถฟังเพลย์ลิสต์โปรดระหว่างออกกำลังกาย กดเลือกเพลง เปลี่ยนเพลง กดข้าม และยังกด Like เพลงจากบนจอ Charge 4 ได้อีกด้วย
- การที่ Built-in GPS ไว้ภายใน Fitbit Charge 4 ช่วยให้ผู้ใช้ออกกำลังกายกลางแจ้งได้โดยไม่ต้องพกสมาร์ทโฟน สามารถ Track ความเร็วของการวิ่งและระยะทางได้แบบ real-time ตั้งเป้าหมายการออกกำลังกายได้มากกว่า 20 โหมด เช่น การเดินป่า การวิ่ง หรือเดินเร็ว หลังจากการออกกำลังกายพร้อมใช้งาน GPS ในตัวแล้ว ผู้ใช้สามารถวัดค่าการใช้งานในระบบ GPS-powered heat map สำหรับตรวจสอบความหนักเบาของการออกกำลังกาย โดยจะวัดจากอัตราการเต้นของหัวใจ ซึ่งจะช่วยให้ผู้ใช้เข้าใจและพร้อมที่จะพัฒนาการออกกำลังในระดับต่อไป
- ฟีเจอร์ Smart Wake จะช่วยปลุกผู้ใช้ให้ตื่นตามเวลาที่เหมาะสม ส่วน Sleep Score บอกถึงคะแนนด้านการนอนหลับอย่างที่ดี อันเป็นจุดเด่นของ Fitbit หลายรุ่นที่ผ่านมาที่ Track การนอนหลับได้อย่างแม่นยำถูกต้อง
- Charge 4 มีเซ็นเซอร์ SpO2 ให้ผู้ใช้ได้อ่านกราฟ Estimated Oxygen Variation หรือระดับออกซิเจนในเลือดจากแอปพลิเคชันของฟิตบิท เพื่อประเมินความเข้มข้นของค่าออกซิเจนในเลือด ซึ่งจะช่วยในการประเมินผลการหายใจในช่วงนอนหลับได้
- มี SmartTrack® ที่แทรคกิจกรรมแบบอัตโนมัติ แสดงคะแนนและผลจากการออกกำลังกายแบบคาดิโอ การเดินขึ้นบันได พร้อมระบบแจ้งเตือนทุกชั่วโมง แทรคสุขภาพสำหรับสุภาพสตรี แทรคอาหาร น้ำ และน้ำหนัก นอกจากนี้ยังมีแรงผลักดันที่พร้อมส่งต่อให้กันจากกลุ่มเครือข่ายคนออกกำลังกายกว่า 30 ล้านคน รวมไปถึงข้อมูลเชิงลึกเพื่อให้ความรู้ในด้านการออกกำลังกายและนอนหลับผ่านฟิตบิท เพื่อให้ทุกคนเข้าใจและสามารถเชื่อมโยงการดูแลสุขภาพกายและใจไปพร้อมกัน
- จากการทดสอบใช้งานมาหนึ่งสัปดาห์กว่า พบว่าแบตเตอรี่จะลดลงวันละ 12-15% ถือว่าน่าพอใจ ใช้งานได้ 6-7 วันต่อการชาร์จหนึ่งครั้ง ทั้งนี้เป็นการสวมใส่เพื่อแทรคทั้งวันทั้งคืน และไม่ได้ปิดฟังก์ชั่นใด ๆ ของ Fitbit เลย ระดับความสว่างหน้าจอ เป็นระดับมาตรฐาน มีการกดดูเวลากับข้อมูลบ่อย ๆ เปิดแจ้งเตือนตามปกติ ไม่ใช้ Do not disturb
- การนับก้าวเดิน การขึ้นบันได การนอนหลับ อัตราการเต้นของหัวใจ ถือว่าตรวจจับได้แม่นยำดีมาก พร้อมทั้งมี Sleep Mode ให้เลือกแล้ว
- หน้าจอป้องกันรอยขีดข่วนได้ได้ดีอยู่แล้ว ไม่แนะนำให้ติดฟิล์ม TPU เพราะจะทำให้การสั่งงานด้วยการสัมผัสทำได้ไม่ดีนัก
- Active Zone Minutes สร้างแรงบันดาลใจในการออกกำลังกายได้จริง
- GPS แม่นยำจริง ไม่ต้องพึ่ง GPS ของสมาร์ทโฟนอีกต่อไป
ข้อสังเกต
- ยังคงดีไซน์เดิม ๆ ที่เริ่มดูน่าเบื่อและไม่ค่อยทันสมัย
- ยังไม่รองรับการแชร์ข้อมูลสุขภาพกับ Apple Health และ Google Fit
- UI สั่งงาน Spotify ดูไม่ค่อยสวยงาม
- ระดับราคานี้ ควรจะได้หน้าจอสีแบบ OLED
- Clock Face มีให้เลือกน้อย
- หน้าจอยังคงไม่รองรับภาษาไทยเหมือนกับ Fitbit ทุกรุ่นที่ผ่านมา
- แอปพลิเคชั่น Fitbit ไม่มีการแปลเป็นภาษาไทย ซึ่งควรจะมีบ้างโดยเฉพาะในส่วนของคำแนะนำเพื่อสุขภาพ
ด้วยราคาของ Fitbit Charge 4 ใกล้เคียงกับ Fitbit Versa 2 ทำให้หลายคนอาจจะลังเลว่าเลือกรุ่นไหนดีและรุ่นใดที่เหมาะสมกับการใช้งานของตัวเองมากกว่า
เปรียบเทียบ Fitbit Charge 4 รุ่นล่าสุด ซัมเมอร์ปี 2020 กับ Fitbit Versa 2 รุ่นปลายปี 2019
- Charge 4 แบตเตอรี่ใช้งานได้สูงสุด 7 วัน แต่ Versa 2 ใช้งานได้สูงสุด 5 วัน
- Versa 2 เป็น Smartwatch จึงมีฟีเจอร์เยอะกว่า ติดตั้งแอปพลิเคชั่นเพิ่มเติมได้
- Charge 4 มีขนาดเล็กกะทัดรัดกว่า
- Versa 2 มีหน้าจอ AMOLED ขนาดใหญ่ สีสันสดใส กราฟิกสวยกว่าจอ OLED ของ Charge 4
- Charge 4 มี GPS ในตัว ระบุพิกัดกลางแจ้งขณะทำกิจกรรมได้แม่นยำดีมาก
- Charge 4 มี Active Zone Minutes ให้ได้ใช้งานก่อนเป็นรุ่นแรก
- Versa 2 สวมใส่แล้วเท่กว่า เปิดหน้าจอแช่ไว้ได้
- Versa 2 มี Clock Face ให้ดาวน์โหลดเลือกใช้ได้เยอะมากจนไม่มีเบื่อ ทั้งแบบฟรีและไม่ฟรี
- Versa 2 รองรับการสั่งงานด้วยเสียง Amazon Alexa และมีพื้นที่เก็บไฟล์เพลงในตัว
- ทั้งสองรุ่น รองรับ FitbitPay NFC Payment และกันน้ำได้ทั้งคู่
- ทั้งสองรุ่น สามารถ Track การนอนหลับและดูแลสุขภาพสตรีได้ดีเหมือนกันทั้งคู่
- Charge 4 ใช้สายสำหรับ Charge 3 ได้ และ Versa 2 ก็ใช้สายสำหรับ Versa / Versa Lite ได้
- ราคาเปิดตัวรุ่นเริ่มต้นของ Charge 4 อยู่ที่ 6,490 บาท และ Versa 2 อยู่ที่ 7,990 บาท
COMMENTS