3 จุดเด่นที่น่าสนใจของหัวเว่ยแท็บเล็ต รุ่น MatePad และรุ่น MatePad T 8
เปิดตัวกันไปแล้วสำหรับแท็บเล็ตสุดคุ้มค่าอย่าง HUAWEI MatePad และ HUAWEI MatePad T 8 ที่เหมาะสำหรับชีวิตการทำงานที่ต้องเดินทางเข้าออฟฟิศสลับกับการทำงานอยู่บ้านในช่วง Work From Home แบบนี้ โดยแท็บเล็ตทั้งสองรุ่น อัดแน่นไปด้วยฟีเจอร์การใช้งานสารพัด บวกกับราคาที่ไม่แพง ทำให้ได้รับความสนใจตั้งแต่วันแรกที่เปิดตัว แต่สองรุ่นนี้ ก็มีจุดเด่นและความแตกต่างกัน เรามาดูกันว่ารุ่นไหนเหมาะกับผู้ใช้แบบไหน เพื่อให้เลือกได้ตอบโจทย์การใช้งานในราคาที่คุ้มค่า
HUAWEI MatePad แท็บเล็ตเพื่อความบันเทิงและการทำงานที่สมบูรณ์แบบ
1. หน้าจอใหญ่แบบ FullView Display สำหรับความบันเทิงแบบเต็มอิ่ม
จุดเด่นแรกสำหรับหัวเว่ย MatePad ก็คือหน้าจอใหญ่ 10.4 นิ้ว คลอบคลุมพื้นที่ 84% ของด้านหน้าตัวเครื่อง มีขอบบางเพียง 7.9 มม. ให้ภาพคมชัดด้วยหน้าจอแบบ IPS LCD ความละเอียดสูง 2000 x 1200 พิกเซล มีลำโพงขนาดใหญ่ 4 ตัว พร้อมระบบเสียงที่ได้รับการปรับจูนโดย Harman Kardon อีกด้วย เรียกได้ว่าทั้งภาพและเสียงจัดเต็มสำหรับสายบันเทิง อยู่บ้านดู Netflix, VIU, YouTube แบบคมชัดเสียงดีแน่นอน
2. ขุมพลังชิปเซ็ต Kirin 810 เพื่อประสบการณ์การใช้งานที่ลื่นไหลไม่เสียอารมณ์
รวดเร็ว ลื่นไหล ไม่มีสะดุด ทุกแอปพลิเคชั่นและเกมด้วยชิปเซ็ตอัจฉริยะ Kirin 810 ที่มาพร้อมกับ GPU Mali-G52 และหน่วยประมวลผล AI NPU ตอบโจทย์ทุกการใช้งาน ไม่ว่าจะเป็นการทำงาน เรียนออนไลน์ ดูหนัง ฟังเพลง หรือเล่นเกมที่เน้นกราฟิกสุดโหดก็ไม่มีปัญหา
3. ทำงานได้สะดวกรวดเร็วบนแท็บเล็ต ด้วยโหมด Multitask และฟีเจอร์ HUAWEI Share
ตัวแท็บเล็ต MatePad ยังมาพร้อมกับฟีเจอร์ Multi-Window ที่รองรับการใช้งานแอปพลิเคชันได้สูงสุดถึง 3 แอปบนหน้าจอเดียว ช่วยให้สามารถใช้งานแบบ Multitask ได้อย่างมีประสิทธิภาพ ไม่ว่าจะเป็นการทำงาน การเล่น และการเรียน เพียงแตะที่แท็บเพื่อแสดงเมนูลัดก็เกินพอ นอกจากนี้ ยังมี HUAWEI APP Multiplier ที่ช่วยแบ่งหน้าจอระหว่างการใช้งานแอปฯ เดียวกัน ให้แสดงสองหน้าจอคู่ขนานกันได้ ตบท้ายด้วยฟีเจอร์ HUAWEI Share บนระบบปฏิบัติการ EMUI 10 ที่ทำให้แท็บเล็ตเครื่องนี้สามารถเชื่อมต่อกับดีไวซ์อื่น ๆ ในอีโคซิสเต็มของหัวเว่ยได้อย่างสะดวกสบายเพียง One Tap
แท็บเล็ตเพื่อการศึกษา HUAWEI MatePad T 8 เหมาะสำหรับเด็กค้นหาความรู้และเรียนออนไลน์
1. หน้าจอถนอมสายตา
ลดความกังวลเรื่องเรียนผ่านออนไลน์แล้วสายตาเด็กอาจเสียจากการจ้องหน้าจอนาน ด้วยเทคโนโลยีหน้าจอที่เป็นมิตรต่อสายตา (Eye Comfort Certification) ที่ได้รับการรับรองจาก TÜV Rheinland Certification ช่วยลดแสงสีฟ้าและลดอาการกะพริบของภาพเพื่อให้ใช้งานได้อย่างต่อเนื่อง นอกจากนี้ยังมีโหมด eBook ที่ทำให้ประสบการณ์การอ่านหนังสือบนแท็บเล็ตสบายตายิ่งขึ้น พร้อมระบบแจ้งเตือนให้ผู้ใช้ปรับท่าทาง และเว้นระยะการรับชมภาพจากหน้าจออีกด้วย
2. แบตสุดอึด เรียนรู้อย่างต่อเนื่องไม่มีสะดุด
MatePad T 8 มาพร้อมกับแบตเตอรี่ขนาดใหญ่ถึง 5100mAh รองรับการรับชมวิดีโอหรือเล่นอินเทอร์เน็ตได้นานสูงสุด 12 ชั่วโมง และฟังไฟล์เสียงได้ติดต่อกันนานสูงสุดถึง 75 ชั่วโมง นอกจากนี้ยังสามารถเปิดเครื่องแบบล็อกหน้าจอทิ้งไว้ได้นานกว่า 3 สัปดาห์ นอกจากนั้น แม้เป็นแท็บเล็ต Entry-Level แต่ก็รองรับระบบปฏิบัติการ EMUI 10 ใหม่ล่าสุด และยังรองรับการปลดล็อคหน้าจอด้วยใบหน้า (Facial Unlock) เพียงยกแท็บเล็ตขึ้นสแกนใบหน้า
3. ฟีเจอร์ Kids Corner รองรับการใช้งานของเด็กเล็กโดยเฉพาะ
HUAWEI MatePad T 8 ยังสามารถแปลงโฉมเป็นสนามเด็กเล่นให้กับลูกน้อยได้ด้วยฟีเจอร์ Kids Corner ซึ่งมาพร้อมกับอินเตอร์เฟซที่เหมาะกับการใช้งานของเด็กเล็ก ทั้งยังติดตั้งแอปพลิเคชันสำหรับเด็กมาไว้ให้เรียบร้อยในตัวเครื่องนอกจากนี้ ยังมีฟีเจอร์ Parental Control ซึ่งช่วยให้พ่อแม่และผู้ปกครองสามารถจำกัดการเข้าถึงวิดีโอ รูปภาพ และแอปพลิเคชันต่าง ๆ ที่ไม่อยากให้เด็กเข้าถึงได้ รวมถึงสามารถควบคุมระยะเวลาการใช้งานแท็บเล็ตได้เช่นกัน
ราคาโดนใจทั้งสองรุ่น
HUAWEI MatePad รุ่น WiFi (RAM 4GB, ROM 64GB) ราคา 9,990 บาท มาพร้อมกับสี Midnight Grey แบบเรียบหรู วางจำหน่ายแล้ววันนี้ โดยปากกา HUAWEI M-Pencil ไม่ได้แถมมาในกล่อง จะต้องซื้อแยกต่างหาก
ส่วนรุ่นเล็ก HUAWEI MatePad T 8 ราคาเริ่มต้นสำหรับรุ่น WiFi (RAM 2GB และ ROM 16GB) อยู่ที่ 3,690 บาท และรุ่น 4G (RAM 2GB และ ROM 32GB) ใช้ได้ทั้ง WiFi และผ่านซิมการ์ด รองรับความเร็วระดับ 4G ราคา 4,690 บาท มาพร้อมกับสี Deepsea Blue เปิดรับจองตั้งแต่วันนี้ถึง 12 มิถุนายน 2563 พร้อมของแถมเพียบ
ดูข้อมูลเพิ่มเติมสำหรับ MatePad ได้ที่ https://consumer.huawei.com/th/tablets/matepad/ และ MatePad T 8 https://consumer.huawei.com/th/tablets/matepad-t-8/
COMMENTS