‘ปอร์เช่ พานาเมร่า’ ซึ่งขับขี่โดย ‘ลาร์ส เคิร์น’ (Lars Kern) นักขับทดสอบของค่ายปอร์เช่ ลงสนามแข่งโดยติดตั้งยาง ‘มิชลิน ไพลอต สปอร์ต คัพ 2 เอ็นดี 0’ (MICHELIN Pilot Sport Cup 2 ND0) ขนาด 275/35 ZR 21 เป็นยางคู่หน้า และขนาด 325/30 ZR 21 เป็นยางคู่หลัง ยางรุ่นนี้ได้รับการพัฒนาขึ้นสำหรับรถ ‘ปอร์เช่ พานาเมร่า’รุ่นล่าสุดโดยเฉพาะ และจะวางตลาดเป็นทางเลือกสำหรับลูกค้าทั่วไปหลังเปิดตัวรถยนต์รุ่นนี้อย่างเป็นทางการ
ลาร์ส เคิร์น ได้ให้สัมภาษณ์หลังทำสถิติใหม่โดยกล่าวว่า “สมรรถนะด้านพลศาสตร์แนวขวาง (Lateral Dynamics) ที่ดีขึ้นของรถยนต์รุ่นนี้ ประกอบกับศักยภาพการยึดเกาะถนนที่ดียิ่งขึ้นของยางมิชลิน ไพลอต สปอร์ต 2 รุ่นใหม่ ส่งผลดีต่อการขับขี่บนสนามแข่ง โดยเฉพาะอย่างยิ่งในโซน Schwedenkreuz ซึ่งผมสามารถขับทำความเร็วขณะเข้าโค้งได้อย่างไม่เคยคิดว่าจะทำได้ด้วยรถปอร์เช่ พานาเมร่า”
‘มิชลิน ไพลอต สปอร์ต คัพ 2’ ได้รับเลือกติดตั้งเป็นยางมาตรฐานในรถยนต์ชั้นนำหลากหลายรุ่นของ ‘ปอร์เช่’ ผู้ผลิตรถยนต์สัญชาติเยอรมัน อาทิ รุ่น 918 Spyder, Cayman GT4, 911 GT3, 911 GT3 RS และ 911 GT2 RS ยางรุ่นนี้โดดเด่นด้วยเทคโนโลยีที่ได้รับแรงบันดาลใจในการพัฒนามาจากกีฬามอเตอร์สปอร์ตระดับสูงสุด โดยเทคโนโลยีเหล่านี้ถูกนำมาใช้กับยางรถยนต์ทั่วไปเพื่อให้ผู้ขับขี่บนท้องถนนได้สัมผัสกับคุณสมบัติที่เป็นเยี่ยม ทั้งในด้านความทนทาน สมรรถนะการยึดเกาะถนน ประสิทธิภาพการบังคับควบคุมรถ และความปลอดภัย
พัฒนาการที่สำคัญอื่นๆ ของยางรุ่นใหม่ล่าสุดนี้ยังครอบคลุมถึงการใช้เทคโนโลยีเนื้อยางต่างสูตรในหนึ่งเดียว (Multi-Compound Technology) ตลอดจนการออกแบบโครงยางที่ให้สมรรถนะการยึดเกาะสูงมากและสม่ำเสมอเพื่อรองรับการใช้งานท่ามกลางสภาวะอากาศหลากหลายรูปแบบ ทั้งยังช่วยให้ยางมีความแข็งแกร่งทนทานสำหรับการควบคุมรถ การรักษาสมดุล และการบังคับเลี้ยวที่ต้องการความแม่นยำสูงเป็นพิเศษ ผู้ขับขี่จึงสัมผัสได้ถึงความปลอดภัยและความเพลิดเพลินขณะขับขี่ ซึ่งเป็นการผสานสองคุณสมบัติเด่นเข้าด้วยกันที่ทำให้ยาง ‘มิชลิน ไพลอต สปอร์ต คัพ 2’ ไม่เพียงเหมาะสำหรับการใช้งานประจำวันบนท้องถนน แต่ยังเหมาะสำหรับสภาวะขับขี่สุดโหดบนสนามแข่งด้วย
ภายใต้ความร่วมมือในการพัฒนายางรุ่นนี้ วิศวกรของมิชลินและปอร์เช่ได้ปรับปรุงและเพิ่มประสิทธิภาพยางล้อให้เป็นไปตามคุณลักษณะที่ปอร์เช่ต้องการสำหรับรถรุ่น ‘พานาเมร่า’ ยางล้อที่ได้จึงไม่เพียงมีศักยภาพในการยึดเกาะเหนือระดับ ให้สมรรถนะสม่ำเสมอ ตลอดจนคงสมดุลของล้อหน้าและล้อหลังได้อย่างดีเยี่ยม แต่ยังเป็นไปตามข้อกำหนดมาตรฐานยุโรปด้านแรงต้านทานการหมุนของล้อ (R117-2) ด้วย
COMMENTS