นูทานิคซ์ (Nutanix) จัดงานประจำปี “.NEXT” ระหว่างวันที่ 8-11 กันยายน 2563 ซึ่งเป็นการจัดงานแบบเวอร์ชวลเป็นครั้งแรก เนื่องจากสถานการณ์โควิด-19 ภายใต้ธีม “.NEXT Digital Experience”
.NEXT เป็นงานประจำปีทางเทคโนโลยีครั้งสำคัญที่สุดของ Nutanix จัดครั้งแรกเมื่อปี 2558
ด้วยวิสัยทัศน์ของนูทานิคซ์ที่เล็งเห็นความสำคัญของนวัตกรรมทางเทคโนโลยีที่จำเป็นสำหรับองค์กร ธุรกิจท่ามกลางกระแส Digital Transformation งานนี้เป็นการรวมตัวของผู้นำที่มีวิสัยทัศน์ทางเทคโนโลยี นักพัฒนาซอฟต์แวร์ และผู้นำด้านไอทีจากทั่วโลก เป็นแหล่งข้อมูลเบ็ดเสร็จเพื่อแลกเปลี่ยน และอัปเดตเทรนด์เทคโนโลยีด้านคลาวด์และดาต้าเซ็นเตอร์ที่ใช้งานในระดับองค์กร และความสำเร็จในการใช้เทคโนโลยี
ช่วงที่ต้องเผชิญกับการแพร่ระบาด สิ่งหนึ่งที่เกิดขึ้นอย่างรวดเร็วโดยเราอาจไม่ทันได้สังเกตคือ การเปลี่ยนแปลงทางดิจิทัล ทั้งเทคโนโลยีที่จะช่วยให้เกิดความปลอดภัยส่วนบุคคล ช่วยให้ธุรกิจอยู่รอด สร้างความต่อเนื่องทางธุรกิจ และการกู้คืนจากภัยพิบัติ ความยากลำบากที่เราต้องเผชิญอย่างไม่ได้ตั้งตัวมาก่อน และบทบาทที่เทคโนโลยีเข้ามาช่วยประคับประคองอย่างทันทีทันใด เกิดการใช้งานเทคโนโลยีและระบบคลาวด์อย่างกว้างขวางในทุกระดับ ทำให้ปัจจุบันและอนาคตของการใช้ชีวิตส่วนตัว ชีวิตการงาน การศึกษา การสาธารณสุข ฯลฯ ไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป ทั้งหมดนี้เกิดขึ้นในช่วงเวลาเพียงหกเดือนที่ผ่านมาเท่านั้น ซึ่งหากไม่มีสถานการณ์นี้แล้ว การนำเทคโนโลยีเหล่านี้มาใช้อาจใช้เวลานานห้าถึงสิบปีเลยทีเดียว โดยเฉพาะความจำเป็นที่ต้องนำไฮบริดคลาวด์มาใช้งานให้เร็วขึ้น และการผสานรวมเป็นหนึ่งเดียวของซอฟต์แวร์ด้านคลาวด์ ซึ่งมีความสำคัญมากขึ้นทันที
ทั้งนี้ผลสำรวจการใช้คลาวด์ขององค์กรในประเทศไทยประจำปี 2562 ของ Nutanix ระบุว่า 76% ของธุรกิจในไทยที่ตอบแบบสำรวจเห็นด้วยว่าระบบไฮบริดคลาวด์เป็นเทคโนโลยีที่เหมาะสมในการดำเนินงาน และคาดการณ์ว่าระหว่างปี 2562 - 2564 ความเชื่อมั่นของไทยต่อระบบมัลติคลาวด์และไฮบริดคลาวด์จะเพิ่มขึ้นอย่างมาก การใช้ระบบมัลติคลาวด์จะเติบโตแบบก้าวกระโดดไปเป็น 31% จากปี 2562 ที่มีเพียง 6% และการใช้ระบบไฮบริดคลาวด์จะเพิ่มขึ้นเป็นสองเท่าที่ 27%
นวัตกรรมด้านซอฟต์แวร์ที่ Nutanix ประกาศในงาน .NEXT ปีนี้จะช่วยเสริมศักยภาพให้กับโครงสร้างพื้นฐานไอทีแบบไฮเปอร์คอนเวิร์จ (Hyper Converged Infrastructure: HCI) ของ Nutanix ซึ่งเป็นเทคโนโลยีที่ผสานรวม CPU, Storage, Virtualization และ Network ที่แตกต่างกันมาไว้ด้วยกัน เพื่อช่วยให้ธุรกิจใช้งานได้อย่างสะดวก เรียบง่าย ปรับขยายได้ ที่สำคัญคือประหยัดค่าใช้จ่าย เพื่อให้ธุรกิจทุกประเภททุกขนาดมีความสามารถล้ำหน้าเพิ่มขึ้นอีกระดับ โดยยกระดับให้เป็นโครงสร้างพื้นฐานไอทีแบบไฮบริดคลาวด์อย่างแท้จริง สามารถสร้างแอปพลิเคชั่นได้เร็วขึ้น ง่ายขึ้น และเขียนแอปฯ เพียงครั้งเดียวแล้วสามารถนำไปใช้ได้ทุกสภาพแวดล้อม เรียกได้ว่า ดีกว่า เร็วกว่า ใช้ได้ทุกที่
นอกจากนี้ Nutanix ยังคำนึงถึงพันธสัญญาที่มีต่อพาร์ทเนอร์อย่างต่อเนื่อง นายทวิพงศ์ อโนทัยสินทวี ผู้จัดการประจำประเทศไทยของ Nutanix ย้ำถึงความสำคัญของพาร์ทเนอร์ ซึ่งถือเป็นกลไกสำคัญในการขับเคลื่อนการเติบโตของบริษัท นอกจาก Nutanix จะเคียงข้างและคอยช่วยเหลือลูกค้าในสถานการณ์ยากลำบากต่าง ๆ แล้ว Nutanix ยังเดินหน้าไปด้วยกันกับพาร์ทเนอร์ของบริษัทในทุกสถานการณ์เช่นกัน
Nutanix เปิดตัวโปรแกรม Elevate ซึ่งเป็นพาร์ทเนอร์โปรแกรมระดับโลก
Elevate Partner Program เป็นการนำพาร์ทเนอร์โปรแกรมทั้งหมดมาไว้บนโครงสร้างโปรแกรมเดียว เพื่อมอบความเรียบง่าย ความสามารถในการได้รับผลตอบแทน และช่วยให้พาร์ทเนอร์มีความพร้อมในการเข้าสู่ยุคของการเปลี่ยนแปลงสู่มัลติคลาวด์และการนำเสนอโซลูชั่นของ Nutanix ที่หลากหลายขึ้น
Elevate Partner Program เริ่มเปิดตัวด้วยสิทธิประโยชน์สำหรับกลุ่มช่องทางการขาย (channel community) และจะขยายโปรแกรมให้ครอบคลุมถึงองค์กรที่เป็นพาร์ทเนอร์เพิ่มเติมในปีหน้า
องค์ประกอบต่าง ๆ ของโปรแกรมนี้ประกอบด้วย การเข้าทำงานร่วมกับ Alliance partners; รูปแบบการกำหนดราคาที่ยืดหยุ่น และระบบการเก็บเงินที่ง่ายสำหรับ Service Providers; การเข้าถึงทรัพยากรและองค์ความรู้ต่าง ๆ สำหรับ Service Delivery partnersสิทธิประโยชน์ที่พาร์ทเนอร์จะได้รับจากโปรแกรมนี้ คือความเรียบง่ายของโครงสร้างโปรแกรมเดียว สำหรับพาร์ทเนอร์ทั้งที่อยู่ในกลุ่มงานขายและกลุ่มการให้บริการเทคโนโลยีของ Nutanix มีการทำงานในแนวทางเดียวกัน มีอินเซนทีฟที่ดึงดูดใจจากการที่สามารถสร้างแหล่งรายได้ใหม่ รวมถึงผลตอบแทนจากการใช้กลไกและวิธีการขายใหม่ ๆ มีแหล่งข้อมูลและเครื่องมือทางการตลาด และสัมผัสประสบการณ์ใหม่ ๆ เพื่อเพิ่มพูนทักษะและได้รับการรับรองจาก Nutanix
Nutanix ตอกย้ำความแข็งแกร่งความเป็นผู้นำตลาด ด้วยนวัตกรรมด้านซอฟต์แวร์สำหรับ HCI
Nutanix ประกาศเพิ่มขีดความสามารถใหม่ ๆ ครั้งสำคัญให้กับซอฟต์แวร์โครงสร้างพื้นฐานไฮเปอร์คอนเวิร์จ (HCI) โดยนำเสนอนวัตกรรมต่าง ๆ ที่สำคัญต่อตลาดดาต้าเซ็นเตอร์และคลาวด์ โดยนวัตกรรมเหล่านี้จะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพดังนี้
- ประสิทธิภาพการทำงานที่เร็วขึ้น 50%
ช่วยให้ลูกค้าได้ใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยีล่าสุดด้านการจัดเก็บข้อมูล ซึ่งประกอบด้วย NVMe based SSDs และ Intel Optane SSDs ค่าลาเทนซี่ที่ต่ำลงจะทำให้เวิร์กโหลด I/O ที่ต้องใช้การคำนวณจำนวนมาก เช่น ฐานข้อมูลขนาดใหญ่ และแอปพลิเคชั่นด้านเฮลธ์แคร์ขนาดใหญ่ ทำงานได้เร็วขึ้นถึง 50% ความสามารถใหม่ ๆ ที่เพิ่มเข้ามาในครั้งนี้ยังรวมถึงการเพิ่มประสิทธิภาพ ให้กับการใช้เวอร์ชวลแมชชีนได้มากขึ้น เพื่อลดค่าใช้จ่ายโดยรวมของการใช้แอปพลิเคชั่นทั้งหมด
- Zero-Trust Security ที่ไม่ยุ่งยาก
เพื่อคงไว้ซึ่งความมุ่งมั่นที่มีมาอย่างยาวนานในการให้บริการโครงสร้างพื้นฐานที่ปลอดภัย Nutanixได้เปิดตัว Flow Security Central ซึ่งเป็นระบบบริหารจัดการแบบรวมศูนย์ในลักษณะ software as a service (SaaS) ซึ่งช่วยในเรื่องของการทำ Compliance Monitoring, มองเห็นรูปแบบการเชื่อมต่อ และความเคลื่อนไหวของเน็ตเวิร์ค และการดำเนินการด้านการรักษาความปลอดภัยบนสภาพแวดล้อม ทั้งแบบไพรเวทและพับลิคคลาวด์ที่ขับเคลื่อนด้วย Nutanix
- ลดความซับซ้อนในการใช้คลาวด์ด้วยเวอร์ชวลเน็ตเวิร์คกิ้ง
Nutanix กำลังพัฒนาการเพิ่มขีดความสามารถใหม่ด้านเวอร์ชวลเน็ตเวิร์คกิ้งให้กับซอฟต์แวร์ Nutanix Flow ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งในชุดซอฟต์แวร์ Nutanix HCI อยู่แล้ว Flow Networking ทำงานอยู่บนโครงสร้างเวอร์ชวลไพรเวทคลาวด์ (virtual private cloud: VPC) ที่ผู้ให้บริการพับลิคคลาวด์รายใหญ่ ใช้อยู่ จะช่วยลดความยุ่งยากของการสร้าง การแยก และการจัดการระบบเน็ตเวิร์คที่ควบคุมการทำงาน ด้วยซอฟต์แวร์ที่เชื่อมต่อกับแอปพลิเคชั่นต่าง ๆ ที่ทำงานอยู่ในดาต้าเซ็นเตอร์ในองค์กร และบนพับลิคคลาวด์ โดยจะช่วยลดความซับซ้อนของระบบเน็ตเวิร์คเมื่อจะใช้ไฮบริดและมัลติคลาวด์ ได้อย่างมีนัยสำคัญ
- Applications Insight และระบบอัตโนมัติ
Nutanix ประกาศเพิ่มประสิทธิภาพให้กับการบริหารจัดการการทำงานของโครงสร้างพื้นฐาน เพื่อให้บริการทีมงานด้านไอทีและนักพัฒนาแอปพลิเคชั่นได้ดีขึ้น ผ่าน Prism Ultimate ซึ่งเป็น Prism รุ่นใหม่ที่จะช่วยให้ผู้ดูแลระบบเข้าใจพฤติกรรมการทำงานของ Application และระบบอัตโนมัติที่ล้ำหน้า กับการแก้ปัญหาคอขวดด้านโครงสร้างพื้นฐานที่เกี่ยวข้องกับแอปพลิเคชั่น ทั้งยังช่วยให้มองเห็นความเคลื่อนไหวในการใช้ทรัพยากรไอทีด้านคลาวด์ เพื่อลดต้นทุนด้านไอที และการจัดทำงบประมาณได้เที่ยงตรงมากขึ้น Nutanix Prism ยังสามารถมอนิเตอร์สภาพแวดล้อมที่ไม่ได้ใช้โซลูชั่นของ Nutanix ได้ ซึ่งรวมถึงเวอร์ชวลไลเซชั่นสแต็คที่เป็นที่นิยมต่าง ๆ เพื่อช่วยให้ลูกค้าของ Nutanix สามารถมองเห็นความเคลื่อนไหวของโครงสร้างพื้นฐานที่มีอยู่ทั้งหมด รวมถึงโครงสร้างพื้นฐาน แบบดั้งเดิมได้จากหน้าจอเดียว
Nutanix เปิดตัว Kubernetes Platform-as-a-Service เพื่อการใช้งานกับมัลติคลาวด์
Karbon Platform Services มอบการบริหารจัดการที่ช่วยให้การใช้งานแอปพลิเคชั่นแบบ Container-Based บนคลาวด์ทุกประเภทเป็นไปอย่างรวดเร็ว เป็นการให้บริการรูปแบบ Platform-as-a-Service (PaaS) เป็นแพลตฟอร์มมัลติคลาวด์ที่ทำงานกับ Kubernetes มาพร้อมระบบจัดการด้านความปลอดภัยอัตโนมัติ เพื่อช่วยให้การพัฒนา และการใช้งานไมโครเซอร์วิส แอปพลิเคชั่นทำงานได้เร็วขึ้นไม่ว่าจะอยู่บนคลาวด์ประเภทใดก็ตาม ซึ่งช่วยให้นักพัฒนาซอฟต์แวร์ได้รับประสบการณ์จากบริการแบบครบวงจร (managed services) ที่พร้อมใช้งาน ไม่ว่าจะใช้งานที่ on-premises บนพับลิคคลาวด์ และที่อุปกรณ์ปลายทาง (edge)
ประโยชน์หลักของ Karbon Platform ServicesManaged Services ที่ครบครัน: PaaS ที่นำเสนอนี้ช่วยให้การพัฒนา และการใช้งานแอปพลิเคชั่น เป็นไปอย่างรวดเร็ว ไม่ว่าจะเป็นแอปพลิเคชั่นแบบ stateful containerized ที่เรียบง่าย ไปจนถึง web-scale applications ที่ซับซ้อน โดยใช้ประโยชน์จากบริการแบบ open abstraction ที่หลากหลายและเรียบง่าย นอกจากนี้ Karbon Platform Services ยังประกอบด้วย managed Kubernetes (K8s-aaS), Containers-as-a-Service (CaaS), serverless Functions, AI, message bus, ingress, service mesh, ความสามารถในการสังเกตเพื่อประเมินสถานการณ์ (observability) และบริการด้านการรักษาความปลอดภัย
การทำงานลักษณะ SaaS บนมัลติคลาวด์: ทีมปฏิบัติการจะได้รับประโยชน์จากการทำงานที่เรียบง่าย และ uniform application ข้อมูล และการบริหารจัดการไลฟ์ไซเคิลด้านความปลอดภัย โดยไม่ต้องคำนึงว่าจะทำงานอยู่บนคลาวด์ประเภทใด โดยใช้ประโยชน์จากการบริหารจัดการไลฟ์ไซเคิลโครงสร้างพื้นฐานที่เป็น SaaS ส่วนนักพัฒนาแอปพลิเคชั่นจะได้ประโยชน์จากบริการแพลตฟอร์มที่พรั่งพร้อม เพื่อใช้ในการเขียนแอปพลิเคชั่นและใช้งานได้ทันทีบนคลาวด์ผ่านระบบบริหาร จัดการไลฟ์ไซเคิลของแอปพลิเคชั่นที่เป็น SaaS
ไฮบริด PaaS ที่ขยายได้: Karbon Platform Services มีความสามารถในการเคลื่อนย้ายข้อมูลข้ามระบบคลาวด์ และการจัดการไฮบริดแอปพลิเคชั่นผ่านช่องทางที่โปร่งใสในการส่งข้อมูลแบบ WAN-optimized และ data interface ที่ปรับขยายได้ ซึ่งคุณลักษณะนี้จะช่วยให้องค์กรมีความยืดหยุ่นในการนำบริการของตนเองมาทำงานบนแพลตฟอร์ม และใช้ประโยชน์จากระบบนิเวศ Kubernetes ที่ครอบคลุมมากยิ่งขึ้น
เพิ่มการรักษาความปลอดภัย: Karbon Platform Services ช่วยให้ทีมไอทีสามารถใช้ประโยชน์จาก API และการรักษาความปลอดภัยที่มีความเหนียวแน่น พร้อมความสามารถที่เป็นหนึ่งเดียวในการสังเกต และตรวจสอบข้อมูล และแอปพลิเคชั่นโดยรวมบนคลาวด์ นอกจากนี้ยังรวมถึงบริการที่ครอบคลุมการรักษาความปลอดภัยแบบอัตโนมัติ พร้อม multi-tenancy และ role-based access control (RBAC) ที่ติดตั้งไว้ในตัวอีกด้วย
COMMENTS