รีวิว Soundbar Samsung HW-Q80R และ HW-Q90R รองรับ Dolby Atmos / DTS:X

Soundbar Samsung HW-Q90R ถือเป็นชุดลำโพงซาวน์บาร์ที่ประสบความสำเร็จอย่างมากทั่วโลก ถูกจัดอันดับให้เป็น The Best of Dolby Atmos Soundbar ที่อยู่ในอันดับต้น ๆ ของโลกจากสื่อชั้นนำหลายสำนักที่รีวิวเครื่องเสียง และยิ่งหากวัดกันที่ราคากับคู่แข่งที่เป็น Dolby Atmos Soundbar ด้วยกัน ถือว่า Samsung HW-Q90R มีราคาดีที่สุดในไทย เป็นราคาที่ตัดสินใจซื้อได้ง่าย และได้ประสิทธิภาพของเสียงที่เต็มพลังที่คนชอบดูหนังต้องประทับใจ กระแสตอบรับดีเยี่ยมจนเป็น Soundbar ที่ขายดีต่อเนื่องมาตั้งแต่ปี 2019 จนถึงปี 2020 โดย Q90R มาพร้อมกับลำโพงคู่หลังไร้สาย หรืออีกทางเลือกที่ประหยัดกว่า คือ รุ่น Q80R ที่ไม่มีลำโพงคู่หลังไร้สาย แต่ก็ได้ Soundbar กับ Subwoofer ที่มีสเปกเหมือนกันทุกประการ เพราะฉะนั้น HW-Q90R กับ HW-Q80R แตกต่างกันเพียงแค่มีกับไม่มีลำโพงคู่หลัง บทความรีวิวนี้ จึงครอบคลุมการใช้งานทั้งสองรุ่น แต่เขียนบนพื้นฐานของรุ่น Q80R เป็นหลัก แล้วเพิ่มเติมรีวิวคู่หลังของ Q90R ในตอนท้าย

แกะกล่อง Soundbar Samsung Q80R ก็จะมีลำโพงสองชิ้น, รีโมทคอนโทรล, สาย HDMI High Speed คุณภาพดี, แบตเตอรี่สำหรับรีโมทคอนโทรล, คู่มือการใช้งาน, ชุดขาแขวนและตำแหน่งเจาะผนัง, ปลั๊กไฟสองเส้น ส่วนรุ่น Q90R จะมีลำโพงคู่หลังไร้สายมาด้วยในกล่อง

Q80R และ Q90R เป็นลำโพง Soundbar รุ่นเดียวกัน ที่มีน้ำหนักเยอะมาก และลำโพงซับวูฟเฟอร์ไร้สายก็เป็นรุ่นเดียวกันที่มีขนาดใหญ่ น้ำหนักค่อนข้างเยอะพอสมควร ความแตกต่างอยู่ที่ Q80R ให้เสียงรอบทิศทาง 5.1.2 แชนเนล (รวมไดรเวอร์ลำโพงทั้งหมด 13 ตัว) แต่ Q90R ให้เสียงรอบทิศทาง 7.1.4 แชนเนล (รวมไดรเวอร์ลำโพงทั้งหมด 13+4 = 17 ตัว) จึงทำให้ Soundbar มีความยาวมาก ติดตั้งลำโพงตัวเล็กมากมายสำหรับยิงเสียงหลายทิศทาง รวมกันมีน้ำหนักมาก

จากภาพข้างบน เป็นการวางโชว์ Soundbar บนชั้นวางทีวีและเครื่องเสียงทั่วไป แต่สำหรับการใช้งานที่ต้องการเน้นดึงประสิทธิภาพของเสียงให้ออกมาดีที่สุดเต็มพลัง 100% ขอแนะนำให้วางซับวูฟเฟอร์บนพื้น ในมุมห้องที่จำเป็นต้องเว้นที่ว่างรอบตู้ซับวูฟเฟอร์ไม่น้อยกว่า 1 ฟุต ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับสภาพพื้นที่ภายในห้องด้วยเช่นกัน เนื่องจากซับวูฟเฟอร์เป็นแบบไร้สาย แนะนำให้ลองย้ายตำแหน่งการวางไปเรื่อย ๆ จนได้ตำแหน่งที่ให้เสียงน่าพอใจมากที่สุด ส่วนชิ้น Soundbar จะแขวนผนังหรือวางบนชั้นวางก็ได้ตามสะดวก คุณภาพเสียงไม่แตกต่างกันมากนัก แต่ครั้งนี้ขอลองติดตั้งแบบแขวนผนัง เพื่อให้เหลือพื้นที่ว่างหน้าทีวีสำหรับวางซับวูฟเฟอร์ พร้อมยกชั้นวางไม้ออกไป

ลำโพงซับวูฟเฟอร์ไร้สาย ยิงเสียงออกด้านข้าง มีท่อเบสอยู่ด้านหลัง จึงจำเป็นต้องเว้นระยะห่างจากผนังหรือสิ่งกีดขวางพอสมควร เพื่อคุณภาพเสียงเบสที่ดี ส่วนซาวน์บาร์ก็เจาะตัวยึดแขวนผนังได้ง่าย มีกระดาษมาร์คตำแหน่งเจาะผนังมาให้แล้วภายในกล่อง ซื้อสกรูกับพุกเพิ่มเติม เลือกขนาดใหญ่หน่อย รองรับน้ำหนักได้เยอะและให้ความมั่นคงได้มากกว่า เดินสาย HDMI กับ AC จัดเก็บสายให้เรียบร้อยใส่รางติดผนัง ก็เป็นอันเสร็จสิ้น

เหตุผลที่เลือกซื้อ Soundbar ที่รองรับ Dolby Atmos / DTS:X เพราะต้องการให้เป็น System ที่น้อยชิ้น ไม่มี AV Receiver, Blu-Ray Disc Player หรือเครื่องใด ๆ ให้เกะกะ รับสัญญาณเสียงหลักมาจากช่อง HDMI ARC ของทีวี บางครั้งก็ฟังเพลงไร้สายจากสมาร์ทโฟน ได้เสียงรอบทิศทางโดยไม่ต้องมีลำโพงแยกชิ้น 6-10 ตัวรอบห้อง การใช้งานส่วนใหญ่ ก็คือ ชมภาพยนตร์ผ่าน Netflix เป็นหลัก 

6 Underground คือ ภาพยนตร์เรื่องแรกที่ใช้ทดสอบเสียงทันทีที่ติดตั้ง Soundbar แขวนผนังเสร็จสิ้น เพราะภาพยนตร์เรื่องนี้ Netflix ปล่อยสัญญาณเสียง Dolby Atmos มาให้เลือกด้วย ซึ่งทีวีที่ใช้อยู่ ไม่รองรับการถอดรหัสสัญญาณเสียง Dolby Atmos  แต่สามารถตั้งค่าให้ส่งสัญญาณ (Passthrough) ออกมาถอดรหัสภายนอกด้วย Soundbar Samsung Q80R | Q90R ได้ หากตั้งค่าถูกต้อง ที่หน้าจอ LED Matrix ของ Samsung Q80R | Q90R จะขึ้นตัววิ่ง ATMOS ทันทีตั้งแต่เริ่มเล่นภาพยนตร์

ภาพยนตร์เรื่องนี้ มีฉากต่อสู้ ยิงปืน และไล่ล่ากันหลากฉายตลอดทั้งเรื่องแบบบ้าระห่ำสไตล์ผู้กำกับ Michael Bay  ซึ่ง Soundbar Samsung Q80R และ Q90R ถ่ายทอดเสียงรอบทิศทางออกมาได้สมจริงอย่างมาก บรรยากาศโอบล้อมมีมิติกว้างพอสมควร พลังเบสจากซับวูฟเฟอร์ที่ลงลึกและให้แรงกระแทกที่สะใจมาก มีการยิงเสียงขึ้นเพดานสะท้อนมายังจุดนั่งฟังในฉากที่มีวัตถุตกลงมาจากด้านบน (เฉพาะภาพยนตร์ที่เข้ารหัสบันทึกเสียงในระบบ Dolby Atmos) เสียงสนทนาจาก Center Channel มีความชัดเจนดี เสียงที่มาจาก Front Channel ยิงออกมาจากตำแหน่งซ้ายขวาและด้านข้างของซาวน์บาร์โอบล้อมรู้สึกได้ถึง Soundstage ที่มีมิติในกว้างและลึก ยิ่งในรุ่น Q90R มีลำโพงไร้สายคู่หลังใน Rear Channel ก็ยิ่งได้บรรยากาศสมจริงในฉากที่มีวัตถุเคลื่อนที่มาจากทิศทางด้านหลังหรือด้านข้าง จุดนี้ทำให้ Q90R ได้ความสมจริงมากยิ่งขึ้นกว่า Q80R แลกกับราคาที่เพิ่มขึ้นอีกหลายพันบาท

ไดรเวอร์ซับวูฟเฟอร์ เป็นลำโพงขนาด 8 นิ้ว ยิงเสียงออกด้านข้าง สร้างความสั่นสะเทือนภายในห้องได้ดี ทำให้รู้สึกสนุกสนานอย่างมากในการชมภาพยนตร์แอคชั่น แต่ยังรู้สึกว่าเสียงอั้น ๆ เปิดดังมากไม่ได้ เบสฟุ้ง ไม่กระชับ ถ้าเปลี่ยนการวางไดรเวอร์ให้ยิงเสียงลงพื้นหรือยิงเสียงออกด้านหน้า แล้วขยายขนาดตู้ไม้อีกสักนิด น่าจะได้เบสที่ดีกว่านี้อีก เหมือนกับ Soundbar ของ Harman Kardon หลายรุ่นในตลาด ก็เลือกที่จะใช้ซับวูฟเฟอร์แบบยิงเสียงลงพื้น

การตั้งค่า Level ของ Channel ด้านข้างและด้านหลัง แนะนำให้ปรับเป็น +4 ถึง +6 ตามความเหมาะสมของห้อง จะได้ยินเสียงรอบล้อมชัดขึ้น  ซับวูฟเฟอร์ ปรับเป็น 0 ถึง +2 กำลังดี ส่วนด้านหน้าและเซ็นเตอร์ ถือว่าดังเพียงพออยู่แล้ว อาจไม่ต้องปรับเพิ่ม ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับสภาพ Acoustic ของห้อง

โหมดเสียงก็มีให้เลือกใช้พอสมควร เลือกใช้ตามใจชอบ และปรับเพิ่มลดทุ้มแหลมได้อีกเล็กน้อย รีโมทคอนโทรลออกแบบให้จับถือได้ถนัดมือดี ใช้งานง่ายกว่า Soundbar บางแบรนด์

ส่วนการฟังเพลงนั้น หากเน้นฟังดนตรีที่ถ่ายทอดรายละเอียดสมจริง เน้นเวทีเสียงและเสียงร้องที่ไพเราะจับใจ แนะนำให้แยกใช้เครื่องเสียงกับลำโพงอีกชุดสำหรับฟังเพลงดีกว่า เพราะการฟังเพลงด้วยชุดลำโพง Soundbar ยังไม่ตอบโจทย์สำหรับการฟังเพลงโดยเฉพาะระดับ Audiophile เพราะสไตล์เสียงของ Soundbar เหมาะกับการชมภาพยนตร์ที่ให้เสียงรอบทิศทางมากกว่าเสียงแบบ Stereo 2 Channel  ลำโพงสำหรับชมภาพยนตร์ เสียงจะแข็ง ไม่นุ่มนวลพริ้วไหวแบบลำโพงสำหรับฟังเพลง แต่หากไม่ซีเรียสเรื่องคุณภาพเสียงกับมิติเสียง ก็สามารถฟังเพลงจาก Soundbar ได้อยู่แล้ว 

ปัจจุบัน Soundbar Samsung HW-Q80R และ HW-Q90R มีรุ่นใหม่เข้ามาแทนที่แล้วตั้งแต่กลางปี 2020 และไม่ได้ร่วม Collaboration กับแบรนด์ Harman Kardon อีกต่อไป แต่ด้วยราคาของ Q80R ที่ลดลงเหลือ 12,xxx กับ Q90R ไม่ถึงสองหมื่นบาทแล้ว (บนเว็บไซต์ NocNoc) ก็ยังเป็น Soundbar ที่น่าซื้อ มีราคาคุ้มค่า และรองรับ Dolby Atmos ที่ใช้งานได้อีกยาวนาน