ภายหลังการเปิดตัว “TikTok For Business” แพลตฟอร์มการตลาดดิจิทัลทั่วโลกในช่วงปลายเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา ที่ไม่เพียงแต่เป็นการสร้างปรากฏการณ์ใหม่ให้กับวงการดิจิทัลมาร์เก็ตติ้งสำหรับนักการตลาดและนักโฆษณาทั่วโลกผ่านแนวคิด Don’t Make Ads. Make TikToks. แต่ยังเป็นการสร้างความสำเร็จให้กับแบรนด์ชั้นนำระดับโลกและธุรกิจมากมาย ด้วยจุดเด่นของ TikTok ในการเป็นแพลตฟอร์มแห่งการสร้างสรรค์ที่ให้ผู้คนได้มาร่วมแบ่งปันคอนเทนต์วิดีโอสั้น ที่สามารถสร้างยอดดาวน์โหลดทั่วโลกไปได้มากกว่า 2 พันล้านครั้ง ภายในเวลาเพียงไม่นานหลังเปิดบริการ (ช้อมูลจาก Sensor Tower เดือนเม.ย. 2563) และการขยายฐานผู้ใช้จากกลุ่มคนรุ่นใหม่ไปสู่กลุ่มคนทำงาน และครอบคลุมไปถึงทุกกลุ่มอายุ
ล่าสุดกับการเปิดตัวแพลตฟอร์มการตลาดดิจิทัล “TikTok For Business” ที่มาพร้อมจุดเด่นการเป็นโซลูชั่นที่ตอบโจทย์ทุกเป้าหมายการตลาดแบบครบวงจร สำหรับแบรนด์และธุรกิจในทุกขนาด โดยประเทศไทยถือเป็นหนึ่งในตลาดกลยุทธ์ที่มีการเติบโตของผู้ใช้และอีโค่ซิสเต็มบนแพลตฟอร์มที่สมบูรณ์แบบ อีกทั้งยังพรั่งพร้อมด้วยทีมงานมืออาชีพที่คอยให้คำปรึกษา และโปรแกรมการให้ความรู้เกี่ยวกับการทำตลาดบน TikTok ให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุด จึงนับว่ามีความพร้อมในการนำเสนอ “TikTok For Business” เพื่อช่วยยกระดับการทำตลาดดิจิทัลให้กับแบรนด์และธุรกิจต่างๆ ในประเทศไทย เพื่อบรรลุเป้าหมายที่มากกว่าการสร้างการรับรู้แต่ครอบคลุมไปสู่การตัดสินใจซื้อ
สิรินิธิ์ วิรยศิริ Head of Business Marketing – Thailand เปิดเผยว่า ดิจิทัลมาร์เก็ตติ้งถือเป็นปัจจัยความสำเร็จของแบรนด์และธุรกิจในยุคปัจจุบัน ดังจะเห็นได้จากการเข้ามาช่วงชิงพื้นที่ในสื่อออนไลน์ในการสร้างการรับรู้และรายได้ให้กับธุรกิจ สังเกตได้จากการเติบโตของมูลค่าการโฆษณาในสื่อออนไลน์ที่เพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยในปี 2563 นี้ คาดว่าจะมีเม็ดเงินโฆษณาในสื่อออนไลน์เพิ่มสูงขึ้นถึง 2.03 หมื่นล้าน หรือเติบโต 12% จากปีที่ผ่านมา (ข้อมูลจากสมาคมมีเดียเอเยนซี่และธุรกิจสื่อแห่งประเทศไทย) โดยคาดว่ามูลค่าการโฆษณาในสื่อออนไลน์จะเป็นเซ็กเมนต์เดียวที่มีการเติบโตท่ามกลางภาวะเศรษฐกิจที่ทุกธุรกิจต้องรัดเข็มขัดและรัดกุมกับการใช้งบประมาณการตลาดให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุด จึงทำให้ความคาดหวังของทุกธุรกิจในการทำตลาดดิจิทัลทุกวันนี้จึงไม่เป็นเพียงแค่การสร้างการรับรู้แต่ยังมองไปถึงการสร้างยอดขายให้กับธุรกิจ
ด้วยความคาดหวังที่สูงขึ้นจากแบรนด์และผู้ประกอบการธุรกิจ จึงทำให้ “TikTok For Business” ถูกนำเสนอขึ้นเพื่อเป็นโซลูชั่นทางการตลาดสำหรับแบรนด์และธุรกิจ ด้วยจุดเด่นของการเป็นแพลตฟอร์มดิจิทัลมาร์เก็ตติ้ง ที่สามารถตอบโจทย์ความต้องการได้อย่างครบวงจร ตั้งแต่การสร้างการรับรู้ (Awareness) การมีส่วนร่วมระหว่างแบรนด์กับผู้บริโภค (Engagement) พร้อมต่อยอดไปถึงการพิจารณาเลือกซื้อ (Consideration) สู่การตัดสินใจซื้อ (Conversion) หรือเรียกได้ว่าเป็น Full-Funnel Marketing Solution
รวมถึงโซลูชั่นต่างๆ ที่ทาง “TikTok For Business” มีให้ที่จะเข้ามาช่วยเติมเต็มการทำตลาดดิจิทัลได้อย่างลงตัว ผนวกกับความโดดเด่นของแพลตฟอร์ม TikTok ที่จะช่วยตอบโจทย์เทรนด์คอนเทนต์วิดีโอสั้นที่กำลังมาแรง ที่จะช่วยให้แบรนด์สามารถสร้างสรรค์และทำการโฆษณาในรูปแบบวิดีโอสั้นได้อย่างมีประสิทธิภาพโดยไม่ต้องใช้งบโปรดักชั่นเพิ่มเติม
โดย สิรินิธิ์ ได้กล่าวเพิ่มเติมว่า เทรนด์ความนิยมของคอนเทนต์วิดีโอสั้นถือเป็นอีกหนึ่งปัจจัยสำคัญที่ทำให้ “TikTok For Business” สามารถสร้างความสนใจให้กับบรรดานักการตลาดและนักโฆษณา เนื่องจากคอนเทนต์วิดีโอสั้นมีอิทธิพลเป็นอย่างมาก กับผู้บริโภคด้วยประสิทธิภาพการถ่ายทอดเนื้อหาของแบรนด์และสินค้าได้อย่างน่าสนใจ กระชับ และมีประสิทธิภาพ ซึ่งเราพบว่า กว่า 99% ของผู้ใช้งานโมบายอินเตอร์เน็ตชื่นชอบการรับชมคอนเทนต์วิดีโอ (ข้อมูลจาก Wearesocial, 2563) และมากไปกว่านั้น คือ ความพิเศษของแพลตฟอร์ม TikTok ที่ถือเป็นพื้นที่ของการสร้างการมีส่วนร่วม โดยบน TikTok ผู้ใช้จะไม่ได้เป็นเพียงแค่ผู้รับชมคอนเทนต์แต่จะเข้ามาสร้างสรรค์คอนเทนต์ ซึ่งจะนำไปสู่การมีส่วนร่วมระหว่างแบรนด์กับผู้บริโภค ซึ่งถือเป็นหนึ่งในเป้าหมายของแบรนด์ที่ไม่ได้ต้องการเพียงแค่การรับรู้แต่ยังต้องการให้ผู้คนเกิดการจดจำและมีส่วนร่วมกับแบรนด์
“พบว่า จำนวนมากกว่า 3 ใน 4 ของผู้ใช้ TikTok ในประเทศไทย เป็นผู้ที่มีส่วนร่วมกับกิจกรรมของแบรนด์ และพูดคุยเกี่ยวกับแบรนด์ จึงถือได้ว่า TikTok For Business คือ คำตอบของการทำตลาดดิจิทัลรูปแบบใหม่สำหรับแบรนด์และธุรกิจในทุกขนาด ที่มอบประสิทธิภาพสูงสุดในการบรรลุทุกเป้าหมายการตลาดแบบครบวงจร และยังจะเป็นการตอบรับกับเทรนด์วิดีโอสั้นที่ผู้คนทั่วโลกรวมทั้งในประเทศไทยกำลังให้ความสนใจในปัจจุบัน” สิรินิธิ์ กล่าว
นอกจากนี้แล้ว “TikTok For Business” ยังมาพร้อมการเปิดมุมมองใหม่ในการทำการตลาดดิจิทัล ด้วยกลยุทธ์การสร้าง Brand Storytelling ภายใต้แนวคิด Don’t Make Ads. Make TikToks. ในการบอกเล่าเรื่องราวของแบรนด์ในรูปแบบที่สร้างสรรค์และน่าสนใจ ซึ่งจะทำให้ผู้ชมหรือผู้บริโภคกลุ่มเป้าหมายเกิดความสนใจ สนุก และอยากเข้าไปร่วมเป็นส่วนหนึ่งกับกิจกรรมของแบรนด์ ควบคู่ไปกับการนำเสนอรูปแบบการโฆษณาที่ถูกจัดไว้ตามวัตถุประสงค์ต่าง ๆ ดังต่อไปนี้
• Brand Takeover: รูปแบบโฆษณาในตำแหน่งแรกก่อนเข้าหน้า Feed ที่สามารถสร้างการเข้าถึง (Reach) ได้สูงสุด 100%
• Top View: รูปแบบโฆษณาในตำแหน่งแรกในหน้า Feed ที่สามารถสร้างได้ตั้งแต่การเข้าถึง (Reach), จำนวนคนที่เข้ามาบนแพลตฟอร์ม (Traffic) การพิจารณาเลือกซื้อ (Consideration) ไปสู่การตัดสินใจซื้อ (Conversion) ซึ่งจะสามารถสร้างการแสดงผลทั้งการมองเห็น (View) และจำนวนครั้งที่แสดงโฆษณา (Impression) เป็นจำนวนมากหลายล้านครั้งต่อวัน
• In-Feed Ads: รูปแบบโฆษณาที่จะปรากฏขึ้นระหว่างการแสดงคอนเทนต์ในหน้า Feed ซึ่งโฆษณารูปแบบนี้ยังสามารถทำได้ผ่าน แพลตฟอร์ม Self-Serve จาก TikTok
• Hashtag Challenge: รูปแบบโฆษณาในลักษณะของการจัดแคมเปญ เพื่อชักชวนให้คนเข้ามาร่วมกิจกรรม สามารถสร้างปฏิสัมพันธ์ระหว่างผู้บริโภคกับแบรนด์ (Engagement) ได้อย่างมหาศาลในรูปแบบ User-Generated Content หรือคอนเทนต์ที่ถูกสร้างขึ้นจากผู้ใช้
• Branded Effect: รูปแบบโฆษณาที่แบรนด์สามารถเข้ามาสร้างสรรค์ Effect ต่างๆ ทั้งภาพและเสียง เพื่อให้คนสามารถเลือกใช้ประกอบวิดีโอ ซึ่งจะส่งผลให้เกิดการจดจำและปฏิสัมพันธ์กับแบรนด์ได้อย่างลึกซึ้งมีประสิทธิภาพ
“ด้วยความหลากหลายของรูปแบบโฆษณาบน TikTok และความพร้อมของแพลตฟอร์ม ที่มีการขยายฐานไปสู่กลุ่มผู้ใช้ที่หลากหลายมากขึ้น โดยในวันนี้เราพบว่า กลุ่มผู้ใช้ TikTok ในประเทศไทยเป็นกลุ่มอายุ 16 - 34 ปี คิดเป็นสัดส่วน 60% และมากกว่า 80% เป็นกลุ่มนักศึกษาและคนทำงานรุ่นใหม่ ซึ่งเป็นกลุ่มที่มีกำลังซื้อสูงและกำลังเป็นที่จับตาของแบรนด์และนักการตลาดในปัจจุบัน จึงส่งผลให้ TikTok กลายเป็นแพลตฟอร์มการตลาดแห่งยุคที่ตอบโจทย์เทรนด์การตลาดรูปแบบใหม่ทั้ง Video Marketing, Challenge Marketing, Hashtag Marketing และ Influencer Marketing” สิรินิธิ์ กล่าวเสริม
นั่นจึงเป็นเหตุผลที่ว่า ทำไมปัจจุบัน TikTok ถึงเป็นแพลตฟอร์มที่ได้รับความนิยมสูงสุด และสร้างความสำเร็จให้กับแบรนด์และธุรกิจในทุกขนาดและหลากหลายอุตสาหกรรมทั้งในระดับโลกจนมาถึงประเทศไทย ไม่ว่าจะเป็นธุรกิจความงาม, อาหารและเครื่องดื่ม, สินค้าในกลุ่มอุปโภคบริโภค, ธุรกิจอีคอมเมิร์ซ และธุรกิจ O2O ดังตัวอย่างปรากฏการณ์การความสำเร็จจากการทำการตลาดบน TikTok For Business ได้แก่ แคมเปญ #walkwithpomelo จาก Pomelo แบรนด์แฟชั่นสุดฮิตขวัญใจคนรุ่นใหม่ ที่ได้สร้างสถิติถล่มทลายทั้งยอดวิวและผู้เข้ามามีส่วนร่วมกับแคมเปญ ส่งผลให้ยอดวิววิดีโอสูงถึง 176.4 ล้านวิว ภายในเวลาเพียงไม่กี่วัน พร้อมด้วยความสำเร็จของ ยอดขายที่สูงขึ้นอย่างเห็นได้ชัดในระหว่างการจัดแคมเปญที่เทียบเท่ากับมหกรรม 11/11 เลยทีเดียว เช่นเดียวกับ NIVEA หนึ่งในแบรนด์ผลิตภัณฑ์ดูแลผิวชั้นนำและเป็นที่รู้จักมากที่สุดในโลก ได้สร้างสรรค์แคมเปญ #PutURHandsUpChallenge โดยในทันทีที่ถูกเผยแพร่ ก็สามารถสร้างกระแสตอบรับอย่างดีด้วยยอดวิววิดีโอสูงถึง 10 ล้านวิว ภายในเวลาเพียง 6 วัน และยังช่วยเพิ่มยอดขายของผลิตภัณฑ์นีเวียโรสเซรั่มได้มากกว่า 26% หลังเปิดตัวแคมเปญ
นอกจากความสำเร็จของแบรนด์ดังมากมายแล้ว “TikTok For Business” ยังเป็นแพลตฟอร์มการตลาดที่ออกแบบมาเพื่อธุรกิจในทุกขนาด ตั้งแต่ใหญ่-กลาง- เล็ก ซึ่งจะเป็นประโยชน์อย่างมากต่อธุรกิจ SMEs ในประเทศไทย ซึ่งเป็นกลุ่มธุรกิจที่มีความสำคัญต่อภาพรวมเศรษฐกิจของประเทศไทยด้วยความสามารถในการสร้างรายได้กว่า 2.8 ล้านล้านบาทในครึ่งปีแรกของปี 2563 หรือคิดเป็น 34% ของมูลค่าผลิตภัณฑ์รวมในประเทศไทย (GDP) ซึ่งที่ผ่านมาพบว่า SMEs ต้องเผชิญกับข้อจำกัดทางธุรกิจในหลายด้านไม่ว่าจะเป็นข้อจำกัดด้านทรัพยากร งบประมาณ และความรู้ด้านเทคโนโลยี และด้วยข้อจำกัดเหล่านี้ “TikTok For Business” จะเป็นโซลูชั่นที่เข้ามาเติมเต็มและเสริมศักยภาพด้วยแพลตฟอร์มการตลาดดิจิทัลที่จะตอบโจทย์ธุรกิจได้อย่างลงตัว เพื่อช่วยให้ SMEs สามารถก้าวข้ามทุกขีดจำกัดได้
โดยที่ผ่านมาได้มีการเปิดตัว “แพลตฟอร์ม Self-Serve” หรือ “แพลตฟอร์มแบบบริการตัวเอง” เพื่อให้ SMEs สามารถเริ่มต้นทำการตลาดบน TikTok ได้อย่างง่ายดายและรวดเร็ว พร้อมเครื่องมือในการสร้างสรรค์วิดีโอและโฆษณาอย่างมืออาชีพ ที่มาพร้อมความสามารถในการกำหนดงบประมาณ ที่ยืดหยุ่นได้ และปรับเปลี่ยนได้ตลอดเวลา พร้อมวัดผลโฆษณาได้อย่างแม่นยำ อีกทั้งยังสามารถตั้งค่าเพิ่มผลลัพธ์ ตอบสนองทุกความต้องการทางธุรกิจได้อย่างมีประสิทธิภาพ ที่จะช่วยให้ทุกธุรกิจสามารถเข้ามาใช้งานได้อย่างไม่มีข้อจำกัด โดยปัจจุบันมีธุรกิจ SMEs มากมายที่เข้ามาทำการตลาดบน TikTok และสามารถสร้างความสำเร็จทั้งการรับรู้และยอดขายได้อย่างน่าสนใจ อาทิ ผลิตภัณฑ์อาหารเสริม BM Collagen Plus และฟิล์มติดรถยนต์แบรนด์ Cardinal Film เป็นต้น
นอกจากนี้สำหรับธุรกิจในประเทศไทย TikTok ยังเตรียมความพร้อมในการสนับสนุนธุรกิจไทยอย่างเต็มที่ ด้วยทีมงานในประเทศไทยที่จะเป็นที่ปรึกษาและให้ข้อมูลเกี่ยวกับการสร้างสรรค์แคมเปญ และกิจกรรมการตลาดบน TikTok พร้อมด้วยโปรแกรมและกิจกรรมในการส่งเสริมความรู้ให้กับ นักการตลาด นักโฆษณา และผู้ประกอบการธุรกิจ ให้เกิดความเข้าใจในการใช้การงาน “TikTok For Business” ได้อย่างมีประสิทธิภาพและคุ้มค่าสูงสุด โดยกิจกรรมที่จะเกิดขึ้นในเร็วๆ นี้ ได้แก่ #Trendsetter Awards, Creative Circle Thailand, TikTok Ads Academy และงานสัมมนาที่จะจัดขึ้นเป็นประจำ อาทิ Grow with TikTok เป็นงานสัมมนาเพื่อปูพื้นฐานความเข้าใจ รวมถึงงานสัมมนา Start with TikTok เพื่อความเข้าใจเชิงลึกเกี่ยวกับเครื่องมือโฆษณาสำหรับ SMEs ซึ่งงานสัมมนาจะจัดขึ้นในทุกไตรมาส และในเร็วๆนี้ จะมีการจัดงานสัมมนา Grow with TikTok ในวันที่ 17 พฤศจิกายนนี้ โดยเปิดให้เข้าร่วมกิจกรรมฟรีสำหรับ SMEs ทั่วไป
สิรินิธิ์ กล่าวทิ้งท้ายว่า “TikTok For Business” จะเป็นคำตอบของนักการตลาด นักโฆษณา รวมไปถึงผู้ประกอบการธุรกิจต่างๆ และเป็นโซลูชั่นทางการตลาดที่สมบูรณ์แบบที่สุด ที่จะช่วยให้แบรนด์และธุรกิจสามารถเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายและช่วยให้การทำการตลาดสามารถบรรลุทุกความต้องการได้อย่างมีประสิทธิภาพ ครบวงจร ด้วยความพร้อมของแพลตฟอร์มที่มีผู้ใช้และคอมมูนิตี้ที่แข็งแกร่ง ครอบคลุมในทุกกลุ่มอายุ และความโดดเด่นของรูปแบบโฆษณาบน TikTok ที่มาพร้อมเครื่องมือที่มีประสิทธิภาพทั้งด้านการสร้างสรรค์และการสร้างผลลัพธ์ อีกทั้งความพร้อมของทีมงานที่ปรึกษาช่วยเหลือในประเทศไทย และ โปรแกรมกิจกรรมความรู้ที่จะตอบโจทย์ความต้องการของแบรนด์และธุรกิจต่างๆ ได้อย่างยั่งยืน
ข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับ TikTok For Business สามารถติดตามได้ที่ https://www.tiktok.com/business/th รวมถึง LINE Official Account: @tiktokforbusiness ซึ่งจะเริ่มเปิดให้บริการตั้งแต่วันที่ 27 ตุลาคมนี้ เพื่อช่วยให้ SMEs สามารถเข้าถึงข้อมูลและการสนับสนุนได้ง่ายขึ้น
COMMENTS