Smartwatch แบบ Built-in GPS ในตัว รุ่นใหม่ล่าสุด Fitbit Versa 3 เปิดตัวที่ราคา 9,190 บาท มีให้เลือก 3 สี วางจำหน่ายแล้วในไทยตั้งแต่ปลายเดือนตุลาคม 2563 ที่ผ่านมา โดยล่าสุดฟิตบิทได้ประกาศอัพเดตซอฟต์แวร์จากเดิม Fitbit OS 5.0 เป็นเวอร์ชั่น 5.1 ตั้งแต่วันที่ 19 พฤศจิกายน 2563 ทยอยตามภูมิภาค มาพร้อมกับฟีเจอร์ใหม่เพิ่มขึ้น คือ SpO2 Tracking และ Bluetooth Hands-free Calling เนื่องจาก Versa 3 มีเซนเซอร์วัดออกซิเจนในเลือดกับไมโครโฟนในตัวอยู่แล้ว ก็ทำให้ใช้งานได้เต็มประสิทธิภาพยิ่งขึ้น
Fitbit Versa 3 นอกจากเป็น Smartwatch + GPS แล้ว ก็ยังเป็น Fitness + Heart Tracker ที่มีฟีเจอร์มากมายสำหรับผู้ที่ดูแลสุขภาพอย่างจริงจังและเน้นการออกกำลังกายทุกวันหรือเกือบทุกวัน ฟีเจอร์ Active Zone Minutes (AZM) บนอุปกรณ์ฟิตบิทรุ่นใหม่ ๆ ช่วยตรวจวัดชีพจรควบคู่กับระดับความเข้มข้นในการออกกำลังกาย ทำให้เรารู้ว่าสมรรถนะร่างกายของเรานั้นเป็นอย่างไร ควรหยุดพักก่อนหรือยังต้องไปต่อให้ถึงเป้าหมายสุขภาพ และอีกจุดเด่นของฟิตบิทคือ Sleeping Score ตรวจจับการนอนเชิงลึกได้แม่นยำตลอดคืน วิเคราะห์อย่างละเอียดถึงพฤติกรรมการนอนแบบเรียลไทม์ทุกเช้าหลังตื่นนอน ว่าหลับลึกแค่ไหน หลับไม่สนิทหรือฝันนานแค่ไหน
เทคโนโลยี PurePulse 2.0 วัดอัตราการเต้นของหัวใจ รวมถึง Active Zone Minutes ช่วยให้ผู้สวมใส่สามารถทำตามเป้าหมายด้านสุขภาพได้อย่างง่ายและดียิ่งกว่าแค่การวัดจำนวนก้าวในแต่ละวัน
Fitbit Versa 3 มีลำโพงและไมโครโฟนในตัว สำหรับการรับส่งข้อความและการรับโทรศัพท์ หรือแม้แต่การส่ง Voicemail และปรับระดับเสียงได้จากข้อมือ รองรับการสั่งงานด้วยเสียงทั้ง Google Assistant และ Amazon Alexa Built-in ในตัวเครื่อง ตั้งเตือนการออกกำลังกาย การทำสมาธิ หรือเวลานอน รวมไปถึงเช็กสภาพอากาศ เพิ่มตารางช็อปปิ้ง นัดหมาย หรือเตือนล้างมือ หรือแม้แต่ควบคุมอุปกรณ์อัจฉริยะภายในบ้านได้จากการสั่งงานผ่าน Versa 3
เพื่อความปลอดภัยจากโรคระบาด ก็สามารถใช้บริการ Fitbit Pay™ เป็นวิธีชำระเงินที่ปลอดภัยและหลีกเลี่ยงการสัมผัส โดยผูกกับบัตรเครดิตหรือบัตรเดบิตของธนาคารชั้นนำในไทยได้ง่าย ๆ สามารถติดตั้งแอปพลิเคชั่นและเปลี่ยนหน้าปัดนาฬิกาได้นับพันรูปแบบ สามารถสั่งเล่นเพลงบน Deezer, Pandora และ Spotify ในขณะออกกำลังกายได้อีกด้วย
ในแอปพลิเคชั่น Fitbit มี Clock ให้เลือกดาวน์โหลดและเปลี่ยนได้มากมายหลายร้อยแบบสำหรับรุ่น Versa 3 ทั้งแบบฟรีและไม่ฟรี บาง Clock จะรองรับ Always-on Display ในสไตล์ที่คล้ายกับ Clock แต่เน้นประหยัดพลังงานเป็นพิเศษ ก็ทำให้ผู้ใช้สามารถเลือกเปลี่ยนได้บ่อย ไม่รู้สึกเบื่อ โดยมี Clock ใหม่ ๆ ให้เลือกใช้อย่างต่อเนื่อง
ล่าสุด Fitbit Versa 3 อัพเดตใหม่ มีฟีเจอร์ใหม่บน Fitbit OS 5.1 แล้ว นั่นคือ รองรับการสั่งงานด้วยเสียงทั้ง Google Assistant และ Amazon Alexa (เลือกใช้อย่างใดอย่างหนึ่ง หรือสลับใช้ก็ได้) และสั่งงานการโทรออกด้วยเสียงได้
จุดที่น่าประทับใจ
- แบตเตอรี่ ใช้งานได้นาน 6 วันจริง เฉลี่ยแบตเตอรี่ลดลงวันละ 17% แต่ก็ชาร์จเต็มได้เร็ว
- แบตเตอรี่จะใช้งานได้ประมาณ 2 วันครึ่ง เมื่อเปิดใช้ Always-on Display ให้แสดงนาฬิกาตลอดเวลา
- รองรับการสั่งงานด้วยเสียงได้ดียิ่งขึ้น
- สายรัดแบบใหม่ แน่นหนาและแนบกับข้อมือได้ดียิ่งขึ้น ไม่หลุดได้ง่าย
- วัสดุดีเยี่ยม ดูแลรักษาง่าย ใช้ได้นานเป็นปีก็ไม่รู้สึกว่าสายรัดเก่าเร็ว
- ระบบปฏิบัติการใหม่ UX ใช้งานได้ง่ายกว่าเดิม ค้นหาการตั้งค่าในเมนูได้เร็ว ไม่สับสน
- UI สวยงาม ทันสมัย กว่ารุ่นก่อนหน้าอย่างมาก
- หน้าจอขนาดใหญ่กำลังดี สีสวยสดจัดจ้าน ตัดแสงสะท้อนได้ดีขึ้น
- ลูกเล่นเยอะมาก ครับครันสำหรับคนรักสุขภาพ
- สายชาร์จแบบแม่เหล็ก ใช้งานได้สะดวกกว่ารุ่นเก่า
- สามารถปิดแบบ Shutdown ได้
ข้อสังเกต
- ยังคงไม่รองรับการแสดงผลภาษาไทย
- แนะนำให้เชื่อมต่อกับสมาร์ทโฟนเครื่องหลักเพียงเครื่องเดียว ป้องกันปัญหา Clock หาย
- พบปัญหาไม่โชว์ Sleep Score ในแอปพลิเคชั่น Fitbit เมื่อใช้งานกับสมาร์ทโฟน Android บางรุ่น
- ราคาเปิดตัว ถือว่าสูง
- กระจกหน้าจอเป็นรอยขีดข่วนได้ง่าย
- ปุ่มด้านข้างแบบสัมผัส กดติดได้ยาก
สรุป
Fitbit Versa 3 เป็น Smartwatch ที่น่าใช้อย่างมาก เหมาะสำหรับผู้ที่เน้นฟีเจอร์สุขภาพ มากกว่าแฟชั่น ออกกำลังกายเกือบทุกวัน ใส่ใจเรื่องอัตราการเต้นของหัวใจกับความเข้นข้นในการออกกำลังดาย ดูสถานะและสมรรถนะของร่างกายบ่อยครั้ง
COMMENTS