แอลจีพร้อมให้คนไทยสัมผัสนวัตกรรมหน้ากากฟอกอากาศ LG PuriCare Gen 2 สูดอากาศบริสุทธิ์ด้วยแผ่นกรองอากาศ HEPA H13 สื่อสารได้ไม่สะดุดด้วยเทคโนโลยี VoiceON หายใจสะดวกขึ้นด้วยพัดลมอัตโนมัติ พร้อมขนาดกะทัดรัดขึ้นเพิ่มความคล่องตัว หน้ากากฟอกอากาศ LG PuriCareTM Gen 2 ฟอกอากาศได้สะอาดบริสุทธิ์ด้วยแผ่นกรองอากาศ HEPA H13 Class ดักจับอนุภาคในอากาศที่เป็นอันตราย รวมถึงฝุ่น PM2.5 ได้อย่างมีประสิทธิภาพ
หลังประสบความสำเร็จในการเปิดตัวหน้ากากฟอกอากาศ LG PuriCareTM ครั้งแรกในประเทศไทย เมื่อเดือนมีนาคมที่ผ่านมา ด้วยผลตอบรับที่ดีและความเชื่อมั่นจากผู้บริโภค LG ผู้นำระดับโลกด้านนวัตกรรมเครื่องใช้ไฟฟ้าภายในบ้าน สานต่อนวัตกรรมการฟอกอากาศครั้งใหม่ เปิดตัวหน้ากากฟอกอากาศ LG PuriCareTM Gen 2 (LG PuriCareTM Wearable Air Purifier Gen 2) ที่ได้รับการพัฒนาประสิทธิภาพให้ตอบโจทย์ความต้องการของผู้บริโภคมากยิ่งขึ้น โดดเด่นด้วยเทคโนโลยี VoiceONTM ที่มาพร้อมไมโครโฟนเพื่อขยายเสียงพูดให้คมชัดขณะสวมใส่หน้ากากฟอกอากาศ สร้างความชัดเจนให้กับทุกการสื่อสาร หายใจสะดวกยิ่งขึ้นด้วยระบบพัดลมคู่ (DUAL fans) ระบายอากาศด้วยความเร็วของพัดลมที่ปรับให้เหมาะสมกับกิจกรรมและอัตราการหายใจของผู้สวมใส่อย่างอัตโนมัติ พร้อมขนาดที่เล็กลง น้ำหนักเบาเพียง 94 กรัม และดีไซน์ที่ออกแบบมาเพื่อให้แนบชิดสนิทไปกับทุกสรีระใบหน้า เพิ่มความมั่นใจให้กับทุกการเคลื่อนไหว โดยยังคงฟอกอากาศได้สะอาดบริสุทธิ์ด้วยแผ่นกรองอากาศ HEPA H13 Class ดักจับอนุภาคในอากาศที่เป็นอันตราย รวมถึงฝุ่น PM2.5 ได้อย่างมีประสิทธิภาพ
หน้ากากฟอกอากาศ LG PuriCareTM Gen 2 มาพร้อมเทคโนโลยี VoiceONTM ไมโครโฟนเพื่อช่วยขยายเสียงพูดให้คมชัดขณะสวมใส่หน้ากากฟอกอากาศ สร้างความชัดเจนให้กับทุกการสื่อสาร
หน้ากากฟอกอากาศ LG PuriCareTM Gen 2 เป็นนวัตกรรมผลิตภัณฑ์ฟอกอากาศแบบสวมใส่อันล้ำสมัยล่าสุดภายใต้กลุ่มแอลจี เพียวริแคร์ โดยได้รับการรับรองประสิทธิภาพจาก บริษัท ทียูวี ไรน์แลนด์ (TUV Rheinland) ซึ่งเป็นบริษัทชั้นนำด้านการตรวจสอบและการทดสอบ โดดเด่นด้วยแผ่นกรองอากาศ HEPA H13 Class ทำให้หน้ากากฟอกอากาศ แอลจี เพียวริแคร์ ฟอกอากาศได้อย่างสะอาดหมดจด พร้อมดักจับอนุภาคขนาดเล็กในอากาศที่เป็นอันตราย รวมถึงฝุ่น PM2.5 และเขม่าควันที่ปะปนอยู่ในอากาศได้อย่างมีประสิทธิภาพ ผสานกับการทำงานของกรอบครอบจมูกที่ทำจากแผ่นซิลิโคนซึ่งได้รับการรับรองตามมาตรฐานทางการแพทย์ เพิ่มความกระชับและช่วยป้องกันมลภาวะในอากาศไม่ให้เล็ดลอดเข้าไปในหน้ากาก มาพร้อมกับแผ่นกรองด้านใน (inner cover) ที่ช่วยป้องกันละอองฝอยต่างๆ เพื่อให้แน่ใจว่าผู้บริโภคจะได้สูดอากาศที่สะอาดและปลอดภัยทั้งลมหายใจเข้าและลมหายใจออก และยังคงมอบความสบายสำหรับการสวมใส่ตลอดวัน และสามารถเลือกซื้อสายคาดศีรษะ (cover band) เพื่อใช้เป็นอุปกรณ์เสริมเพื่อเพิ่มความกระชับได้อีกด้วย
หน้ากากฟอกอากาศ LG PuriCareTM Gen 2 ถูกออกแบบให้มีขนาดเล็กลง น้ำหนักเบาขึ้น และแนบชิดสนิทไปกับทุกสรีระใบหน้า ช่วยเพิ่มความมั่นใจให้กับทุกการเคลื่อนไหว
หน้ากากฟอกอากาศรุ่นใหม่จากแอลจีมาพร้อมสายชาร์จ USB ความเร็วสูงในตัวที่สามารถชาร์จแบตเตอรี่หน้ากากฟอกอากาศจนเต็ม ให้พร้อมใช้งานได้ในเวลาเพียง 2 ชั่วโมง เพื่อการใช้งานอย่างต่อเนื่องสูงสุด 8 ชั่วโมง และอำนวยความสะดวกต่อไลฟ์สไตล์ของผู้บริโภคยุค IoT ผ่านการเชื่อมต่อกับแอปพลิเคชัน LG Puricare Wearable Air Purifier ผ่านบลูทูธ เพื่อควบคุมเปิด-ปิดผ่านสมาร์ทโฟนได้ทุกที่ทุกเวลา ควบคุมการไหลเวียนของอากาศภายในหน้ากากฟอกอากาศ ควบคุมระดับเสียงของไมโครโฟนภายในหน้ากากตามความต้องการ และฟังก์ชั่นการจัดการแผ่นกรองอากาศ เพื่อให้แน่ใจว่าหน้ากากฟอกอากาศจะสามารถทำงานได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ โดยแอปพลิเคชันดังกล่าวจะพร้อมให้บริการในช่วงปลายปีนี้
หน้ากากฟอกอากาศ LG PuriCareTM Gen 2 ได้รับการพัฒนาให้ผู้สวมใส่หายใจได้สะดวกขึ้น ด้วยระบบพัดลมคู่ (DUAL fans) ที่ช่วยระบายอากาศด้วยความเร็วของพัดลมที่จะปรับให้เหมาะสมกับกิจกรรมและอัตราการหายใจแบบอัตโนมัติ
นอกจากนี้ แอลจียังส่งนวัตกรรมเพื่อการทำงานควบคู่กันด้วยกล่องฆ่าเชื้อ UV แอลจีรุ่นใหม่ อุปกรณ์เสริมเพื่อทำความสะอาดหน้ากากฟอกอากาศ LG PuriCareTM Gen 2 โดยเฉพาะ โดดเด่นด้วยเทคโนโลยี UVnano ที่สามารถขจัดแบคทีเรียบนพื้นผิวของหน้ากากฟอกอากาศได้ถึง 99.99 เปอร์เซ็นต์ ภายในเวลาเพียง 30 นาที และยังสามารถตรวจสอบการทำงานและประวัติการใช้งานได้ทุกที่ทุกเวลา ผ่านการเชื่อมต่อกับแอปพลิเคชัน LG ThinQ™ ผ่าน Wi-Fi กล่องฆ่าเชื้อ UV รุ่นใหม่ยังสามารถใช้ทำความสะอาดอุปกรณ์ขนาดเล็กอื่นๆ เช่น โทรศัพท์มือถือ และแว่นตาได้อีกด้วย
หน้ากากฟอกอากาศ LG PuriCareTM Gen 2 จะวางจำหน่ายใน 2 สี ได้แก่ สีขาว (creamy white) และสีดำ (ocean black) ในราคา 6,490 บาท โดยรุ่นสีขาวพร้อมจำหน่ายแล้วตั้งแต่วันที่ 17 สิงหาคม พ.ศ.2564 เป็นต้นไป ส่วนรุ่นสีดำ และกล่องฆ่าเชื้อ UV แอลจีรุ่นใหม่ จะเริ่มวางจำหน่ายในเดือนกันยายน พ.ศ.2564 สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ศูนย์ข้อมูลแอลจี 0-2878-5757
COMMENTS