บทความประชาสัมพันธ์โดย ไซม่อน เดล กรรมการผู้จัดการประจำภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และเกาหลีของอะโดบี
เมตาเวิร์ส (Metaverse) คือความเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ที่กำลังจะเกิดขึ้นในโลกของเทคโนโลยี และทุกวันนี้องค์กรที่ปรับใช้เทคโนโลยีเป็นกลุ่มแรกๆ ก็เริ่มได้รับประโยชน์อย่างเป็นรูปธรรมกันบ้างแล้ว โดยข้อมูลจาก McKinsey ระบุว่า เมตาเวิร์สมีศักยภาพที่จะสร้างมูลค่าตลาดที่สูงถึง 5 ล้านล้านดอลลาร์ ทั้งยังสร้างโอกาสมากมายให้แก่องค์กรธุรกิจ ผู้บริโภค และครีเอเตอร์ เนื่องจากตอนนี้เมตาเวิร์สยังคงอยู่ในช่วงของการพัฒนา ดังนั้นจึงเป็นที่เข้าใจได้ว่าเพราะเหตุใดหลายๆ องค์กรจึงยังคงลังเลและรอดูสถานการณ์ อย่างไรก็ตาม สิ่งที่เราทราบอย่างแน่ชัดก็คือ ประสบการณ์สำหรับลูกค้าในอนาคตจะมีความเสมือนจริงมากยิ่งขึ้น และตอนนี้จึงนับเป็นเวลาที่เหมาะสมสำหรับการเตรียมความพร้อมตั้งแต่เนิ่น ๆ
เมตาเวิร์สและประสบการณ์เสมือนจริงอื่นๆ คือคลื่นลูกใหม่ของการติดต่อสื่อสารในรูปแบบดิจิทัล โดยภายในปี 2573 การค้ากว่า 80 เปอร์เซ็นต์อาจได้รับผลกระทบจากบางสิ่งที่ผู้บริโภคทำในเมตาเวิร์ส ในสิงคโปร์ ราว 78 เปอร์เซ็นต์ของผู้บริหารที่ตอบแบบสอบถามของ Accenture เชื่อว่า เมตาเวิร์สจะส่งผลดีต่อองค์กร และเกือบครึ่งหนึ่ง (47 เปอร์เซ็นต์) เชื่อว่า เมตาเวิร์สจะก่อให้เกิดความก้าวหน้าหรือความเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ องค์กรธุรกิจต่างๆ คาดการณ์ว่าเมตาเวิร์สและประสบการณ์แบบเสมือนจริง (immersive) จะเป็นตลาดใหม่ของระบบเศรษฐกิจดิจิทัล
การสร้างประสบการณ์เสมือนจริงเริ่มต้นตั้งแต่วันนี้
ขณะที่โลกดิจิทัลรองรับอินเทอร์แอคทีฟมากขึ้น ลูกค้าก็คาดหวังว่าองค์กรธุรกิจจะนำเสนอประสบการณ์เสมือนจริงผ่านระบบดิจิทัล การลงทุนด้านการสร้างคอนเทนต์แบบเสมือนจริงและ 3D จะช่วยให้องค์กรธุรกิจสร้างความได้เปรียบเหนือคู่แข่งในเรื่องประสบการณ์ลูกค้า ทั้งยังช่วยให้พนักงานเพิ่มพูนทักษะในด้านการสร้างคอนเทนต์เสมือนจริงอีกด้วย สถานการณ์การแพร่ระบาดที่เกิดขึ้นตอกย้ำถึงความสำคัญของงานครีเอทีฟ 3D ในด้านการออกแบบผลิตภัณฑ์ การตลาด และอี-คอมเมิร์ซ ด้วยเหตุนี้ องค์กรธุรกิจที่ลงทุนในเทคโนโลยีดังกล่าวแต่เนิ่นๆ ก็จะสามารถสร้างภาพผลิตภัณฑ์ 3D ที่สมจริงเหมือนกับภาพถ่าย โดยทำงานผ่านการเชื่อมต่อระยะไกล ที่ไม่จำเป็นต้องมีการถ่ายภาพของจริง
แบรนด์ชั้นนำอย่างเช่น The Coca-Cola Company, Epic Games, NASCAR ได้เริ่มดำเนินการเกี่ยวกับการสร้างคอนเทนต์ 3D รวมถึงอี-คอมเมิร์ซ และประสบการณ์เสมือนจริงบนอุปกรณ์พกพา และเช่นเดียวกับเทคโนโลยีและสื่อโซเชียลทุกประเภท ความสำเร็จย่อมขึ้นอยู่กับรูปแบบการใช้งาน ยิ่งองค์กรธุรกิจสั่งสมความชำนาญ การทดลอง และเรียนรู้จากประสบการณ์ได้เร็วเท่าไร ก็จะยิ่งมีความเป็นไปได้ที่องค์กรจะสามารถสร้างสรรค์ประสบการณ์แบบเสมือนจริงที่โดนใจลูกค้าและกลุ่มผู้ใช้งานได้มากขึ้นเท่านั้น
ปรับใช้แนวทางเชิงกลยุทธ์เพื่อผลลัพธ์ทางธุรกิจที่เหนือกว่า
มีวิธีการต่างๆ มากมายในการปรับใช้เมตาเวิร์ส แต่บางแง่มุมของเมตาเวิร์สอาจไม่ได้ช่วยเพิ่มมูลค่าให้แก่ธุรกิจ ดังนั้นผู้บริหารองค์กรธุรกิจจึงต้องพิจารณาแนวทางที่เหมาะสม และกำหนดกลยุทธ์ที่ชัดเจนในการดำเนินการบนแพลตฟอร์มดิจิทัลรูปแบบใหม่นี้ นอกจากนี้ ผู้บริหารระดับสูงจะต้องพิจารณาอย่างรอบคอบเกี่ยวกับประโยชน์และผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นจากเมตาเวิร์สสำหรับธุรกิจของตน เพื่อให้ได้รับผลตอบแทนที่คุ้มค่าจากการลงทุนในอนาคต และที่สำคัญก็คือ กลยุทธ์ด้านเมตาเวิร์สจะต้องสอดคล้องกับกลยุทธ์หลักของธุรกิจ และตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าได้อย่างแท้จริง
การตลาดจะมีความสำคัญอย่างมาก และเมตาเวิร์สจะก่อให้เกิดความเปลี่ยนแปลงในระดับพื้นฐานต่อวิธีการที่องค์กรธุรกิจดึงดูดและติดต่อสื่อสารกับลูกค้า ซึ่งอาจส่งผลกระทบอย่างมากต่อ customer journey การสร้างมูลค่าสำหรับลูกค้าในเมตาเวิร์สจะขึ้นอยู่กับความสามารถขององค์กรธุรกิจในการทำความเข้าใจและปรับตัวให้สอดรับกับพฤติกรรมใหม่ๆ ของลูกค้าได้อย่างทันท่วงที
นี่คือความท้าทายที่องค์กรธุรกิจจะต้องเผชิญในอนาคต ขณะที่ทุกวันนี้องค์กรต่างๆ กำลังวุ่นวายกับปัญหามากมาย ทั้งเรื่องของข้อมูลที่แยกกระจัดกระจาย ข้อมูลจำนวนมหาศาลที่หลั่งไหลเข้ามา และกฎระเบียบที่มีการเปลี่ยนแปลงอย่างต่อเนื่อง ประสบการณ์เสมือนจริงในเมตาเวิร์สจะก่อให้เกิดอีกเลเยอร์หนึ่งของข้อมูล ซึ่งจะต้องมีการบันทึกและจัดเก็บอย่างปลอดภัย โดยสอดคล้องตามนโยบายการกำกับดูแลข้อมูล รวมถึงกฎระเบียบด้านความปลอดภัยและความเป็นส่วนตัวของข้อมูล ด้วยเหตุนี้ องค์กรธุรกิจจึงควรเร่งดำเนินการพัฒนาไปสู่การเป็นองค์กรที่ขับเคลื่อนด้วยข้อมูล ซึ่งมีนโยบายที่เหมาะสมในด้านการรักษาความเป็นส่วนตัว เพื่อให้สอดคล้องกับกฎหมายว่าด้วยความเป็นส่วนตัวของข้อมูลในอนาคต
เตรียมพร้อมเพื่อปลดล็อคโอกาสที่รออยู่
ประเด็นหนึ่งที่มีการถกเถียงกันอย่างกว้างขวางในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมาก็คือ การกำกับดูแลเนื้อหาคอนเทนต์และข้อมูลมีความสำคัญมากเป็นพิเศษในโลกดิจิทัลในปัจจุบัน และจะมีความสำคัญมากยิ่งขึ้นไปอีกสำหรับประสบการณ์แบบเสมือนจริงในเมตาเวิร์ส ซึ่งเกี่ยวข้องกับตัวตนดิจิทัลของผู้ใช้ รวมถึงแอสเซ็ท (Asset) เฉพาะบุคคลที่ผู้ใช้ครอบครองหรือที่ตนเองสร้างขึ้น ผู้ใช้ส่วนใหญ่ต้องการการเชื่อมต่อที่เป็นส่วนตัวเข้ากับ แอสเซ็ทของตนเองในโลกเสมือนจริง และสามารถตรวจสอบแอสเซ็ทเหล่านั้นกับครีเอเตอร์ได้ ดังนั้นจึงต้องมีการระบุอย่างชัดเจนถึงแหล่งที่มาของผลงานสร้างสรรค์แบบเสมือนจริง รวมถึงวิธีการสร้างแอสเซ็ทนั้น ๆ
ประเด็นที่เกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ก็คือ ‘ความน่าเชื่อถือ’ โดยองค์กรธุรกิจจะต้องสร้างความน่าเชื่อถือในเมตาเวิร์ส และทำให้ผู้ใช้สามารถแยกแยะความแตกต่างระหว่างแพลตฟอร์มธุรกิจที่ถูกกฎหมายกับแพลตฟอร์มที่ปลอมแปลงขึ้น รายงาน Adobe APAC Trust Report ระบุว่า สองในสามของผู้บริโภคใน APAC จะเลิกซื้อสินค้าหรือบริการจากแบรนด์ที่ตนเองไม่ไว้ใจ และถ้าการสร้างความเชื่อมั่นให้แก่ผู้บริโภคเป็นปัญหาท้าทายในโลกดิจิทัลปัจจุบัน ปัญหานี้จะสร้างความลำบากยิ่งขึ้นไปอีกในโลกเมตาเวิร์ส
เมื่ออี-คอมเมิร์ซเฟื่องฟูและได้เปลี่ยนแลนด์สเคปของธุรกิจ มีหลายองค์กรที่ไม่สามารถตามทันกับความเปลี่ยนแปลง และตอนนี้ถึงเวลาแล้วที่องค์กรธุรกิจจะเตรียมความพร้อมด้วยการสร้างรากฐานที่มั่นคงในด้านความรู้และเทคโนโลยี ซึ่งจะช่วยให้องค์กรสามารถคว้าโอกาสที่รออยู่เบื้องหน้า
COMMENTS