ColorOS 13 ใหม่ล่าสุดบน Android 13 มาพร้อมการออกแบบ Aquamorphic Design ที่กระชับและใช้งานได้สะดวกสบาย การเชื่อมต่ออัจฉริยะ และการพัฒนาประสิทธิภาพโดยรวมเพื่อมอบการใช้งานที่ชาญฉลาดและสะดวกยิ่งขึ้น
OPPO ได้เปิดตัว ColorOS 13 ระบบปฏิบัติการบน Android Global Version อย่างเป็นทางการให้กับผู้ใช้ทั่วโลก โดยเป็นหนึ่งในระบบปฏิบัติการแรกที่ใช้ Android 13 ที่เพิ่งเปิดตัวไป ColorOS 13 ได้รวมเอาฟีเจอร์ที่สำคัญของ Android 13 มาใช้อย่างการออกแบบ Aquamorphic Design ใหม่ล่าสุด เพื่อมอบประสบการณ์ภาพที่กระชับและใช้งานได้สะดวกสบาย มาพร้อม UI ที่ใช้งานได้ง่าย และด้วยนวัตกรรมเทคโนโลยีล่าสุดของ OPPO ทำให้ ColorOS 13 มีฟีเจอร์ใหม่ๆ มากมายสำหรับการเชื่อมต่ออุปกรณ์หลายเครื่องอัจฉริยะ พร้อมเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานด้วยประสบการณ์อัจฉริยะ
UI ที่กระชับและใช้งานได้สะดวกสบายด้วยการออกแบบ Aquamorphic Design
ด้วแรงบันดาลใจจากสายน้ำในธรรมชาติ OPPO ได้เปิดตัวการออกแบบ Aquamorphic Design ใหม่ล่าสุดใน ColorOS 13 เพื่อสร้าง UI ที่ลื่นไหล มีชีวิตชีวา และครอบคลุม โดย ColorOS 13 มาพร้อม Theme Palette ใหม่ที่ได้รับแรงบันดาลใจจากแสงที่มีการเปลี่ยนแปลงในช่วงระหว่างพระอาทิตย์ขึ้นและพระอาทิตย์ตกบนระดับน้ำทะเล ในขณะที่แบบฟอนต์ใหม่ของระบบได้พัฒนาความสามารถในการอ่านข้อความของระบบในภาษาใดก็ได้ และด้วยการอัปเกรดอื่นๆ เช่น Card-styled Layout ColorOS 13 ได้รับการออกแบบมาเพื่อมอบประสบการณ์ภาพที่กระชับและสบายตาด้วยการออกแบบ Aquamorphic Design
ColorOS 13 ยังมอบประสบการณ์การใช้งานที่ง่ายยิ่งขึ้นผ่านด้วยการผสานรวม Aquamorphic Effects ต่างๆ เข้ากับระบบแอนิเมชั่น UI และ Quantum Animation Engine พร้อม Behavioral Prediction ใหม่ตามการควบคุมของผู้ใช้ พร้อมภาษาออกแบบที่เน้นผู้ใช้เป็นหัวใจสำคัญอย่าง Empty State Illustrations Adaptive Layouts สำหรับขนาดหน้าจอที่แตกต่างกัน และไอคอนที่เป็นที่รู้จักเพิ่มความสามารถในการอ่านและทำให้สามารถใช้งานได้ง่าย นอกจากนี้ รูปภาพ Always-On Display อย่าง “Homeland” ซึ่งแสดงภาพสัตว์ป่าที่ดูทรงพลังในธรรมชาติ แอนิเมชั่น Always-On Display เผยให้เห็นถึงการเปลี่ยนแปลงถิ่นที่อยู่ของสัตว์ต่างๆ ที่เกิดจากการเปลี่ยนแปลงของอุณหภูมิในแต่ละวันเพื่อเรียกร้องให้เกิดความใส่ใจต่อการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศและโลกที่เราอาศัยอยู่ร่วมกัน
พัฒนาประสิทธิภาพพื้นฐานด้วยเทคโนโลยีที่พัฒนาขึ้นเอง
ColorOS 13 ถือเป็นการเปิดตัวของ Dynamic Computing Engine ซึ่งเป็นโซลูชันทางเทคนิคระดับระบบที่ OPPO พัฒนาขึ้นภายในบริษัทเพื่อมอบระบบที่ลื่นไหลและเสถียรยิ่งขึ้น ตลอดจนการพัฒนาประสบการณ์ผู้ใช้ขั้นพื้นฐานอย่างรอบด้าน Engine นี้ได้นำการพัฒนาที่สำคัญสองสิ่งมาสู่ ColorOS 13 ได้แก่อายุการใช้งานแบตเตอรี่ที่เพิ่มขึ้นและความสามารถในการเปิดแอปเบื้องหลังได้มากขึ้น โดย Dynamic Computing Engine ของ OPPO ได้พัฒนาการกำหนดเวลาของทรัพยากรฮาร์ดแวร์เพื่อยืดอายุการใช้งานแบตเตอรี่ให้เกิดความสมดุลระหว่างประสิทธิภาพสูงโดยใช้พลังงานต่ำได้ นอกจากนี้ยังช่วยให้แอปต่างๆ ทำงานอยู่เบื้องหลังได้มากขึ้น ทำให้สามารถสลับไปมาระหว่างหลายแอปได้โดยไม่ทำให้สถานะในแอปหายหรือเกิดความล่าช้า
ประสบการณ์การทำงานและชีวิตอันชาญฉลาดด้วยฟีเจอร์อัจฉริยะใหม่ล่าสุด
ColorOS 13 มาพร้อมฟีเจอร์อัจฉริยะที่ครอบคลุมทุกด้านในชีวิตและการทำงาน นอกจากจะเป็นวิธีที่ดีในการแสดงออกถึงตัวตนของคุณแล้ว Smart Always-On Display[2] ใน ColorOS 13 ยังสามารถแสดงข้อมูลเกี่ยวกับเพลงและแอปบริการส่งอาหารได้ ทำให้ผู้ใช้สามารถเข้าถึงข้อมูลได้เร็วขึ้นและควบคุมการเล่นเพลงและฟังก์ชันอื่นๆ ได้สะดวกยิ่งขึ้น โดย OPPO ได้ร่วมมือกับผู้ให้บริการซอฟต์แวร์และผู้ให้บริการชั้นนำของโลก อย่าง Bitmoji และ Spotify เพื่อมอบประสบการณ์ที่สะดวกสบายและเป็นส่วนตัวผ่าน Smart Always-On Display
ด้วยเทคโนโลยี LTPO2.0 ชั้นนำในอุตสาหกรรมของ OPPO อัตราการรีเฟรช Always-On Display ได้ลดลงเหลือเพียง 1 เฮิรตซ์เพื่อประหยัดพลังงานถึง 30% สำหรับในบางสถานการณ์ ฟีเจอร์การจัดการหน้าจอหลักอัจฉริยะอื่นๆ เช่น Large Folders, Shelf[3] และวิดเจ็ตหน้าจอหลักยังช่วยให้ผู้ใช้เข้าถึงข้อมูลที่ต้องการได้อย่างง่ายดายและรวดเร็วแบบที่ดีที่สุดอีกด้วย
เมื่อการประชุมออนไลน์กลายเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นในชีวิตประจำวันหลังจากการระบาดใหญ่ของ Covid-19 OPPO ได้พัฒนา Meeting Assistant สำหรับสมาร์ตโฟนตัวแรกของอุตสาหกรรมที่ออกแบบมาเพื่อการประชุมออนไลน์โดยเฉพาะ โดย Meeting Assistant จะจัดลำดับความสำคัญของการใช้งานข้อมูลไร้สายโดยอัตโนมัติเพื่อมอบการเชื่อมต่อที่เสถียรยิ่งขึ้นระหว่างการประชุมออนไลน์ นอกจากนี้ยังปรับการแจ้งเตือนแบนเนอร์เพื่อลดสิ่งรบกวน พร้อมให้ผู้ใช้เพิ่มทางลัด OPPO Notes[4] ที่ช่วยในการจดบันทึกการประชุมด้วย Notes ในหน้าต่างป๊อปอัปขนาดเล็ก
หนึ่งในการอัปเดตที่ใหญ่ที่สุดใน ColorOS 13 คือประสบการณ์การใช้งานหลายอุปกรณ์ที่ได้รับการพัฒนา ขณะนี้ Multi-Screen Connect รองรับการเชื่อมต่อที่ลื่นไหลระหว่างสมาร์ตโฟนและ OPPO Pad Air และระหว่างสมาร์ตโฟนและ PC [5] เพิ่มประสิทธิภาพและความสะดวกสบายผ่าน File Transfer ที่รองรับรูปแบบไฟล์ได้มากขึ้นโดยไม่มีข้อจำกัดด้านฮาร์ดแวร์ ผู้ใช้ที่เชื่อมต่อสมาร์ตโฟนกับ PC ผ่าน Multi-Screen Connect จะได้รับประโยชน์จากความสามารถในการแสดงแอปมือถือหลายตัวพร้อมกันบนหน้าจอ PC
ความเป็นส่วนตัวและความปลอดภัยสำคัญที่สุด
ความเป็นส่วนตัวและความปลอดภัยเป็นสิ่งที่สำคัญที่สุดใน ColorOS มาตั้งแต่แรกเริ่ม โดย ColorOS 13 ได้ผสานรวมฟีเจอร์การปกป้องความเป็นส่วนตัวพื้นฐานจาก Android 13 เช่น ระบบจะลบประวัติคลิปบอร์ดโดยอัตโนมัติหลังจากช่วงเวลาสั้นๆ เพื่อป้องกันการรั่วไหลของข้อมูลที่ละเอียดอ่อนที่เกิดจากมัลแวร์ นอกจากนี้ ด้วยฟีเจอร์ Nearby Wi-Fi[6] ผู้ใช้สามารถใช้งาน Wi-Fi ได้โดยไม่ต้องเปิดเผยข้อมูลตำแหน่งเฉพาะ
เทคโนโลยีที่ OPPO เป็นผู้พัฒนาขึ้นเองมีบทบาทสำคัญในการเพิ่มความเป็นส่วนตัวและความปลอดภัยเท่าเทียมกัน ตามโมเดลอัลกอริธึมในอุปกรณ์ Auto Pixelate[7] สามารถจดจำและเบลอรูปโปรไฟล์และชื่อในภาพหน้าจอแชทได้โดยอัตโนมัติด้วยการแตะเพียงครั้งเดียว และ Private Safe ใหม่จะได้รับการเข้ารหัสด้วย Advanced Encryption Standard (AES) ที่ใช้กันอย่างแพร่หลาย เพื่อให้มีความปลอดภัยสูง ColorOS 13 มอบการปกป้องความเป็นส่วนตัวและความปลอดภัยที่ผู้ใช้สามารถไว้วางใจได้ตามมาตรฐานการรักษาความปลอดภัยที่เชื่อถือได้และการตรวจสอบความเป็นส่วนตัว เช่น ePrivacy, TRUSTe, ISO27701 และ ISO27001
การสำรวจประสบการณ์การใช้งาน Android ใหม่พร้อมจับมือ Google ทำงานร่วมกันเชิงกลยุทธ์
OPPO ได้ทำงานร่วมกับ Google อย่างใกล้ชิดในระหว่างการพัฒนา ColorOS 13 เพื่อมองหาวิธีการนำคุณค่าใหม่ๆ มาสู่ประสบการณ์การใช้งาน Android OS สมาร์ตโฟนแฟลกชิปจอพับ OPPO Find N ของ OPPO และสมาร์ตโฟนแฟลกชิป OPPO Find X5 Pro 5G เป็นสมาร์ตโฟนเครื่องแรกในโลกที่ได้รับการอัปเดต Android 13 Beta OPPO ยังได้เปิดตัว ColorOS เวอร์ชันสำหรับนักพัฒนา ซึ่งใช้ Android 13 Beta และจะทำงานร่วมกับ Google ต่อไปเพื่อสร้าง Android ecosystem ที่สมบูรณ์
แผนการเปิดตัว ColorOS 13 และนโยบายการอัปเกรด
แผนการเปิดตัวและนโยบายการอัปเกรด ColorOS 13 สำหรับการเปิดตัว ColorOS 13 ทั่วโลก OPPO วางแผนที่จะอัปเดตสมาร์ตโฟนราว 35 รุ่นภายในปีนี้ ครอบคลุมกว่า 60 ประเทศและภูมิภาค และผู้ใช้มากถึง 160 ล้านคน นี่คือแผนการอัปเดตที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์ของ ColorOS โดยแผนการเปิดตัว ColorOS 13 อย่างเป็นทางการจะเริ่มต้นด้วย OPPO Find X5 Pro 5G จากนั้น OPPO จะนำ ColorOS 13 ไปสู่อุปกรณ์อีกกว่า 20 เครื่องในปี 2023
[1] ภาพที่ปรากฏในนี้เป็นภาพที่ใช้ประกอบเท่านั้น หากมีความแตกต่างระหว่างภาพและสินค้าจริง โปรดดูตามสินค้าจริง
[2] สำหรับรุ่นที่ไม่รองรับการใช้งาน AOD แผงควบคุมจะปรากฏขึ้นเมื่อยกมือขึ้นหรือดับเบิ้ลคลิกบนหน้าจอ โดย Smart Always-On Display รองรับการใช้งานเฉพาะบางรุ่นเนื่องจากข้อจำกัดของฮาร์ดแวร์ โปรดดูตามจากสถานการณ์จริง จอแสดงผลรองรับการควบคุม Spotify และข้อมูลการจัดส่งอาหารจาก Zomato และ Swiggy และอื่นๆ เมื่อพร้อมใช้งาน
[3] โปรดดูที่รุ่นจริงสำหรับข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับความพร้อมและฟังก์ชันการทำงาน
[4] OPPO Notes รองรับการใช้งานในบางรุ่นที่มี ColorOS13.0 และรุ่นที่เหลือที่จะอัปเดต OTA เพิ่มเติม โปรดดูข้อมูลจากรุ่นจริงสำหรับข้อมูลเพิ่มเติม
[5] ในการใช้งาน Multi-Screen Connect คอมพิวเตอร์ของคุณต้องมีลักษระตรงตามข้อกำหนดขั้นต่ำเหล่านี้: Windows 10 build 18362 หรือใหม่กว่า; โปรเซสเซอร์ Intel i3 2.4GHz ขึ้นไป; Wi-Fi Direct; โปรโตคอล Bluetooth 4.1 หรือสูงกว่า แนะนำให้ใช้ RAM 8GB และ Wi-Fi แบบดูอัลแบนด์ 2.4GHz และ 5GHz สำหรับข้อมูลโดยละเอียดเพิ่มเติม โปรดดูที่ https://connect.oppo.com/en-US/adaptedModels
[6] ฟีเจอร์นี้ต้องได้รับการปรับโดยตัวแอปพลิเคชันเอง
[7] Auto Pixelate รองรับการใช้งานใน Messenger และ WhatsApp อัลกอริธึมในอุปกรณ์จะตรวจจับและทำการพิกเซลรูปโปรไฟล์และชื่อโดยไม่ต้องเข้าถึงเนื้อหาข้อความแชทของคุณ
COMMENTS