โนเกีย ตอกย้ำถึงพันธกิจในการสนับสนุนผู้ประกอบการระดับองค์กรในประเทศไทยบนเส้นทางสู่การเปลี่ยนผ่านด้าน 5G พร้อมเผยถึงนวัตกรรมเครือข่ายต่าง ๆ ที่จำเป็นสำหรับเครือข่ายที่สำคัญ ที่ต้องการความแม่นยำสูงและทำงานได้โดยอัตโนมัติ ภายในงานเสวนาพิเศษซึ่งจัดขึ้นที่ภายในงาน Byond Mobile
มร.อาเจย์ ชาร์มา ผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท โนเกีย ประจำประเทศไทยและกัมพูชา
โนเกีย ได้เข้าร่วมงาน Byond Mobile 2022 ซึ่งจัดขึ้นระหว่างวันที่ 28-29 กันยายน พ.ศ. 2565 ณ สามย่านมิตรทาวน์ ฮอลล์ กรุงเทพฯ โดยได้นำนวัตกรรมล่าสุดของบริษัทมาจัดแสดงผ่านการสาธิตแบบอินเตอร์แอคทีฟ ตั้งแต่การใช้งาน 5G ไปจนถึงการประยุกต์ใช้งานที่เกี่ยวกับการพัฒนาอุตสาหกรรม 4.0 ของผู้ใช้งานที่เป็นผู้ประกอบการระดับองค์กรจนถึงระดับผู้บริโภค การเข้าร่วมในงานครั้งนี้ของโนเกียเป็นการตอกย้ำถึงพันธกิจของบริษัทกับการมีส่วนร่วมเพื่อนำพาประเทศไทยเดินหน้าสู่ยุทธศาสตร์การพัฒนาอุตสาหกรรม และกำหนดเส้นทางสู่ความเป็นผู้นำด้าน 5G ในประเทศไทย
ประเทศไทย ซึ่งเป็นหนึ่งในตลาดกลุ่มแรก ๆ ของภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกที่เปิดตัว 5G เพื่อใช้ในการผลักดันและพัฒนาด้านเศรษฐกิจและสังคมของประเทศ รัฐบาลไทยได้ให้ความสำคัญด้านการใช้งานเทคโนโลยีเพื่อสร้างสรรค์โอกาสใหม่ ๆ และสร้างให้ประเทศไทยเป็นศูนย์กลางของกิจการด้านดิจิทัล ด้วยการเน้นถึงการปรับใช้งานเทคโนโลยี 5G เพื่อขับเคลื่อนการเติบโตทางเศรษฐกิจที่ครอบคลุมในหลายภาคส่วนที่รวมถึงด้านการสาธารณสุข การศึกษา การคมนาคม และการเกษตรกรรม
โนเกียในฐานะที่ได้รับการยอมรับเป็นอย่างกว้างขวางว่าเป็นผู้นำด้าน 5G และระบบเครือข่ายเพื่ออุตสาหกรรม 4.0 ได้ทำงานมาอย่างต่อเนื่องในการขับเคลื่อนโซลูชันสำหรับผู้ประกอบการระดับองค์กร และพัฒนาระบบนิเวศสำหรับองค์กรและภาคอุตสาหกรรมในประเทศไทย บริษัทมีความมุ่งมั่นในการนำเสนอโซลูชันที่ออกแบบมาตามวัตถุประสงค์สำหรับการเปลี่ยนผ่านสู่ความเป็นดิจิทัลของแผนการพัฒนาอุตสาหกรรม 4.0 และการใช้งานในบริบทอื่นนอกเหนือจากนี้ ทั้งปัจจุบันและอนาคต
ที่งาน Byond Mobile โนเกีย ได้มีการจัดแสดงการใช้งานและโซลูชันมากมายที่ใช้เทคโนโลยี 5G โดยสาธิตให้เห็นถึงประสิทธิภาพของเทคโนโลยี 5G ที่จะเป็นประโยชน์ให้กับผู้ให้บริการด้านการสื่อสารและผู้ประกอบกิจการระดับองค์กร นอกจากนี้บริษัทยังแสดงให้เห็นถึงความเป็นผู้นำตลาดในด้าน เทคโนโลยีการสื่อสารไร้สาย (RAN), เทคโนโลยีโครงข่ายอินเทอร์เน็ต, เทคโนโลยีโครงข่ายใยแก้วนำแสง (IP and Optics), เครือข่ายคลาวด์ และธุรกิจองค์กร เพื่อเสนอโซลูชันสำหรับภารกิจสำคัญสำหรับลูกค้าประเภทองค์กรในประเทศไทย เช่นเดียวกับโซลูชันเพื่อความยั่งยืนที่ช่วยลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์และค่าใช้จ่ายด้านพลังงาน เพื่อสร้างเสริมคุณภาพชีวิตที่ดียิ่งขึ้นสำหรับประเทศไทย
นวัตกรรมที่โนเกียได้นำมาจัดแสดงประกอบไปด้วย
• เสาอากาศ AirScale massive MIMO
ชุดเสาอากาศ AirScale massive MIMO ของโนเกีย ที่มีทั้งแบบ เสาอากาศรุ่น 32TRX และ 64TRX สำหรับย่านความถี่กลางของ TDD 4G และ 5G ที่มาพร้อมชิปเซ็ต ReefShark รุ่นใหม่จากโนเกีย (ReefShark System on Chip: SoC) โดยเสาอากาศ massive MIMO รุ่นใหม่นี้จะช่วยเสริมประสิทธิภาพการทำงานของเทคนิค beamforming ที่ครอบคลุมสำหรับการปรับใช้งานในหลากหลายบริบท ทั้งพื้นที่ชุมชนเมืองที่หนาแน่น และพื้นที่บริเวณกว้างที่ต้องการความครอบคลุมของสัญญาณ
• ระบบระบายความร้อน Liquid Cooled AirScale
หนึ่งในผลิตภัณฑ์กลุ่ม AirScale Base Station ของโนเกีย ซึ่งได้ใช้เทคโนโลยีระบายความร้อนด้วยของเหลว (Liquid Cooling) เพื่อช่วยให้เครือข่ายคลื่นวิทยุมีความยั่งยืนและคุ้มทุนยิ่งขึ้น ด้วยการลดการใช้พลังงานสำหรับการระบายความร้อนให้สถานีฐาน ทั้งยังช่วยลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ได้มากสุดถึง 80 เปอร์เซ็นต์
• บริการไร้สายแบบประจำที่ (FWA) สำหรับ 5G
บริการไร้สายแบบประจำที่ (FWA) ของโนเกียช่วยเติมเต็มการเสนอขายเครือข่ายไร้สายของลูกค้าองค์กร ด้วยการนำมาซึ่งผลตอบแทนใหม่ และเปิดโอกาสในการนำเสนอบริการใหม่ ๆ สำหรับการใช้งานในที่พักอาศัยและสถานประกอบการ ด้วยบริการไร้สายแบบประจำที่ดังกล่าว ลูกค้าสามารถรับสัญญาณอินเตอร์เน็ตบรอดแบนด์แบบ Fiber-like broadband ได้ทุกที่ที่มีคลื่นความถี่เครือข่ายไร้สายรองรับ
• การเชื่อมต่อเครือข่ายไร้สายแบบส่วนตัวสำหรับองค์กร
เครือข่ายไร้สายแบบส่วนตัวสำหรับการใช้งานระดับอุตสาหกรรมของโนเกีย ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการเปลี่ยนผ่านสู่ความเป็นดิจิทัลของการพัฒนาอุตสาหกรรม 4.0 ด้วยตัวเลือกที่หลากหลายของโซลูชันเครือข่ายไร้สายแบบส่วนตัวครบวงจรทำให้โนเกียสามารถนำเสนอในด้านความคล่องตัวและความสะดวก ซึ่งเป็นสิ่งจำเป็นต่อการใช้งานในองค์กรต่าง ๆ ให้ปรับใช้งานได้อย่างลงตัวกับความต้องการที่แตกต่างกันไปในแต่ละประเภทอุตสาหกรรม
• เราเตอร์รุ่น FP5
แพลตฟอร์มเราเตอร์สำหรับบริการอินเตอร์เน็ตตัวใหม่ของโนเกียที่ใช้ชิพรุ่นใหม่ล่าสุด FP5 ช่วยให้ผู้ให้บริการได้เพิ่มความสามารถในการให้บริการความต้องการที่ปรับเปลี่ยนไปในปัจจุบัน เพื่อเพิ่มคุณภาพของเครือข่ายได้อย่างมีประสิทธิภาพ อีกทั้งช่วยให้สามารถให้บริการอินเตอร์เน็ตที่ความเร็วสูงขึ้น และให้การป้องกันการเผชิญความเสี่ยงจากภัยคุกคามด้านไซเบอร์ผ่านกลไกด้านความปลอดภัยแบบใหม่ของ Nokia ที่มีชื่อว่า “ANYsec”
• ประสบการณ์ช้อปปิ้งสุดตระการตา
ด้วยศูนย์ปฏิบัติการทางดิจิทัล (Digital Operation Center) และระบบป้องกันภัยคุกคามด้านไซเบอร์อย่าง SA Core-NetGuard Cybersecurity Dome ทำให้โนเกียสามารถมอบที่สุดแห่งประสบการณ์แห่งโลกอนาคตแก่ลูกค้าได้ ไม่ว่าจะเป็น ระบบไซเบอร์-กายภาพของเทคโนโลยีผสมผสานโลกเสมือน หรือเรียกสั้นๆว่า AR ที่ช่วยรังสรรค์ระบบนิเวศที่เอื้อต่อการสื่อสารเพื่อการโฆษณาสำหรับธุรกิจค้าปลีก โดยเทคโนโลยี AR ดังกล่าวจะช่วยให้ลูกค้าสามารถรับรู้ถึงตัวผลิตภัณฑ์และมีส่วนร่วมกับแบรนด์ได้ขณะที่กำลังดูโปรโมชั่นหรือการขายที่เกิดขึ้นภายในร้าน
มร.อาเจย์ ชาร์มา ผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท โนเกีย ประจำประเทศไทยและกัมพูชา กล่าวกับผู้สื่อข่าวว่า “สืบเนื่องจากความพยายามอย่างต่อเนื่องเพื่อที่จะเร่งใช้ประโยชน์โซลูชันด้านการเปลี่ยนผ่านสู่ความเป็นดิจิทัลเพื่อขับเคลื่อนการเติบโตทางเศรษฐกิจ ประเทศไทยจึงนับเป็นหนึ่งในตลาด 5G ที่มีศักยภาพในการเติบโตที่สูงที่สุดในภูมิภาคนี้ โซลูชัน 5G ชั้นนำต่าง ๆ ที่จัดแสดงภายในงานครั้งนี้ล้วนอยู่ในบริบทของยุทธศาสตร์แห่งชาติประเทศไทยเพื่อสร้างสรรค์เศรษฐกิจซึ่งตั้งอยู่บนพื้นฐานของคุณค่าที่ขับเคลื่อนไปข้างหน้าด้วยนวัตกรรม เทคโนโลยี และความคิดสร้างสรรค์ เราให้คำมั่นว่าจะให้การสนับสนุนผู้ประกอบการระดับองค์กรในประเทศไทยตลอดเส้นทางของการเปลี่ยนผ่านเข้าสู่ 5G รวมถึงการนำเสนอนวัตกรรมเครือข่ายที่จำเป็นสำหรับเครือข่ายสำคัญที่ทำงานได้อัตโนมัติและมีความแม่นยำสูง”
COMMENTS