adapter พลิกเกมอุตสาหกรรมโฆษณาและการตลาด เปิดตัว “XSight” ที่สามารถวิเคราะห์โฆษณาจากการแสดงสีหน้าและรูปแบบการมอง เสริมประสิทธิภาพแบรนด์ ชนะใจลูกค้าแบบไม่ต้องเดา
- XSight คือ แพลตฟอร์มโซลูชันวิเคราะห์ชิ้นงานโฆษณาเชิงลึกที่นำเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ AI มาพัฒนาคู่กับการใช้งานเทคโนโลยีตรวจจับพฤติกรรมการมอง (Eye Tracking) และเทคโนโลยีตรวจจับการแสดงออกความรู้สึกบนใบหน้า (Facial Expression Tracking) ของคนดู
- ประโยชน์ของ XSight คือการช่วยให้แบรนด์ นักการตลาด เข้าใจถึงผลลัพธ์และประสิทธิภาพงานโฆษณา รวมไปถึงความรู้สึกที่แท้จริงที่ผู้ชมมี เพื่อยกระดับงานโฆษณาให้ดียิ่งขึ้น ซึ่งในปัจจุบัน ยังไม่มีเครื่องมือวัดประสิทธิภาพวิดีโอใดที่สามารถวัดข้อมูลเชิงลึกในมิติที่หลากหลายและเป็นประโยชน์ต่อแบรนด์
- แนวคิดการนำ Neuroscience มาใช้ประโยชน์กับงานโฆษณาหรือ “Neuromarketing” ถือเป็นศาสตร์ที่แวดวงนักการตลาดจำนวนมากให้ความสนใจมาสักระยะแล้ว โดย Harvard Business Review ได้ระบุเอาไว้ว่า Neuromarketing จะช่วยให้แบรนด์ นักการตลาดเข้าถึง “ข้อมูลอินไซท์” ที่แท้จริงของผู้บริโภคได้
adapter digital ผู้นำแถวหน้าธุรกิจเอเจนซี่โฆษณาด้านดิจิทัลและผู้ให้คำปรึกษาด้านการตลาดของไทยเปิดตัว “XSight” แพลตฟอร์มวิเคราะห์ประสิทธิภาพชิ้นงานโฆษณาด้วยการนำเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ AI มาพัฒนาคู่กับการใช้งานเทคโนโลยีตรวจจับพฤติกรรมการมอง (Eye Tracking) และเทคโนโลยีตรวจจับการแสดงออกความรู้สึกบนใบหน้า (Facial Expression Tracking) ของคนดู พร้อมประมวลผลข้อมูลแบบเรียลไทม์รายวินาทีเพื่อให้แบรนด์ นักการตลาดเข้าใจถึงผลลัพธ์ที่เกิดขึ้น พร้อมยกระดับงานโฆษณาได้ทันที
XSight คือ แพลตฟอร์มโซลูชันวิเคราะห์ชิ้นงานโฆษณาเชิงลึกที่พัฒนาขึ้นโดย adapter digital ถูกพัฒนาบนแนวคิดการนำศาสตร์ด้านประสาทวิทยาศาสตร์ (Neuroscience) และการเข้าใจอารมณ์ความรู้สึกของกลุ่มเป้าหมาย (Emotional Intelligence) มาใช้กับเทคโนโลยีดิจิทัลเพื่อให้แบรนด์ล่วงรู้ถึงอินไซท์ ความรู้สึกที่ผู้บริโภคมีระหว่างรับชมงานโฆษณาได้อย่างทะลุปรุโปร่ง เพื่อประโยชน์ในการนำไปใช้พัฒนางานโฆษณาให้เป็นที่จดจำ โดนใจผู้รับชม สื่อสารสิ่งที่แบรนด์ต้องการจะถ่ายทอดได้ตรงจุด ทั้งยังเป็นเครื่องมือที่สามารถวัดประสิทธิภาพของงานโฆษณาได้ลึกและละเอียดกว่าเครื่องมือที่มีอยู่ในท้องตลาด ณ ปัจจุบัน ซึ่งส่วนใหญ่มักจะเน้นไปที่ข้อมูลพื้นฐานทั่วไป เช่น ยอดการรับชม อัตราการกดข้าม อัตราการดูจบ อัตราการกดออก ปฏิสัมพันธ์ของผู้ชม หรือการทำ Video Concept Test Research เป็นต้น
นายอรรถวุฒิ เวศรานุรักษ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท อะแด็ปเตอร์ ดิจิตอล จำกัด (adapter digital group) กล่าวว่า “หนึ่งในเป้าหมายหลักของ adapter คือการยกระดับและสร้างนวัตกรรมใหม่ ๆ ให้กับอุตสาหกรรมโฆษณาไทยด้วย Data, Innovation และ Marketing Technology (MarTech) เพราะเรามีความเชื่อว่าดิจิทัลจะช่วยให้ธุรกิจและแบรนด์สามารถขับเคลื่อนการเติบโตทั้งการสร้างแบรนด์ในยุคดิจิทัล การรับรู้ของแบรนด์และการสร้างยอดขายได้อย่างยั่งยืน ซึ่งเราก็ได้เห็นแล้วว่าวันนี้ เทคโนโลยีดิจิทัลได้กลายมาเป็นเครื่องมือหลักในการทำการตลาด ตั้งแต่วิธีการสื่อสารไปจนถึงการขายสินค้า แต่ในขณะเดียวกัน วิธีการประเมินหรือการวัดผลจากกลยุทธ์ที่เราใช้ก็จำเป็นจะต้องอาศัยเทคโนโลยีใหม่ ๆ เข้ามาช่วยด้วยเช่นกันเพื่อให้แบรนด์ นักการตลาดสามารถเข้าใจอินไซท์เชิงลึกของผู้บริโภคได้อย่างแท้จริง”
“นั่นจึงเป็นเหตุผลที่ทำให้ adapter ตัดสินใจพัฒนาและเปิดตัวโซลูชันใหม่อย่าง XSight นวัตกรรมด้านการวัดผลโฆษณาที่จะเข้ามายกระดับการทำการตลาดให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น ด้วยการนำเทคโนโลยี AI เข้ามาตรวจจับความรู้สึก อารมณ์ จากสีหน้าที่ปรากฏบนใบหน้าของผู้ชมระหว่างรับชมโฆษณา ผสานเข้ากับเทคโนโลยีตรวจจับพฤติกรรมการมอง แล้วนำข้อมูลทั้งหมดมาวิเคราะห์ผลลัพธ์ข้อมูลเชิงลึก อินไซท์ความรู้สึกที่เกิดขึ้นภายในสมองของผู้ชมที่มีต่อโฆษณา ซึ่งไม่ได้บอกแค่ยอดการรับชม อัตราการดูจบ ปฏิสัมพันธ์ของคนดู อัตราการกดข้าม อัตราการกดออกจากโฆษณา หรือการทำ Video Concept Test Research เหมือนเครื่องมือที่ใช้อยู่ในปัจจุบัน เพราะ XSight จะทำให้แบรนด์มองเห็นทะลุปรุโปร่ง เข้าใจทั้งจุดที่ดีและจุดที่ต้องนำไปปรับปรุงพัฒนาต่อเพื่อให้การสื่อสารตรงเป้าหมายและมีประสิทธิภาพที่สุด โดยในปัจจุบัน แบรนด์ชั้นนำในต่างประเทศก็กำลังตื่นตัวในการนำ Neuroscience และ Emotional Intelligence มาใช้วัดประสิทธิภาพของงานโฆษณาเช่นกัน”
สำหรับแพลตฟอร์ม XSight จะประกอบไปด้วยเทคโนโลยีที่ทำงานร่วมกันใน 3 ส่วนหลัก คือ
1. เทคโนโลยีตรวจจับการมอง (Eye Tracking): ตรวจจับสายตาของคนดูที่มองไปยังส่วนต่าง ๆ ในฉากหรือซีนที่ปรากฎบนวิดีโอโฆษณา เพื่อให้สามารถระบุได้ว่า ในงานโฆษณาตัวนั้น ๆ คนส่วนใหญ่ให้ความสนใจสิ่งใดมากที่สุด เช่น สินค้า, นักแสดง หรือเนื้อหา
2. เทคโนโลยีตรวจจับการแสดงออกทางอารมณ์ผ่านใบหน้า (Facial Expression Tracking): ตรวจจับอารมณ์ความรู้สึกจากการแสดงสีหน้าของคนดูระหว่างรับชมโฆษณา ซึ่งระบุได้ถึง 6 อารมณ์คือ โกรธ (Angry), เบื่อ (Disgusted), มีความสุข (Happy), เศร้า (Sad), ประหลาดใจ (Surprised) และ หวาดกลัว (Fearful)
3. ปัญญาประดิษฐ์ (AI): นำโมเดล AI เข้ามาใช้งานเพื่อตรวจจับอารมณ์มาตราฐานที่ปรากฎบนใบหน้าของคนดู โดยทดสอบกับ Data Set FER2013 ได้ผลลัพธ์ที่ 70% เทียบกับความแม่นยำของคนจริง ๆ ที่ทดสอบโดยใช้ชุดข้อมูลเดียวกัน ได้ผลลัพธ์ที่ 68% ถือว่าเป็นอัตราที่มีความใกล้เคียงกับการใช้คนคัดแยกข้อมูลเลยก็ว่าได้
ตัวอย่างการใช้ประโยชน์จาก XSight เช่น การใช้งานเพื่อระบุ “Attention Signals Score” เพื่อให้แบรนด์เข้าใจซีน ช่วงเวลาในโฆษณาที่กระตุ้นความสนใจและการรับรู้ของคนได้ดีที่สุด จากการนำค่าเฉลี่ยอารมณ์ร่วมของผู้ชมที่เกิดขึ้นระหว่างชมโฆษณา (Emotion Intensity Score) มารวมเข้ากับซีนที่ผู้ชมพร้อมใจกันมองไปยัง “แบรนด์ / ผลิตภัณฑ์” มากที่สุด (Visual Impact Score) ซึ่งสิ่งนี้ยังสามารถนำมาต่อยอดกับการทำโฆษณาฉบับสั้น หรือ Bumper ads1 ที่มั่นใจได้ว่าจะเป็นการคัดเลือกซีนที่ดีที่สุดอย่างแท้จริง หรือการนำไปใช้ระหว่างขั้นตอน Double Head2 เพื่อให้ได้งานโฆษณาที่มีคุณภาพ คุ้มค่าต่องบประมาณ ตอบโจทย์ทุกฝ่าย รวมถึงการถอดบทเรียนจากงานโฆษณาทั้งของตัวเองและคู่แข่งเพื่อยกระดับงานโฆษณาให้โดดเด่น แตกต่างจากเดิมในทุก ๆ ครั้ง เป็นต้น
ทั้งนี้ แนวคิดการนำ Neuroscience มาใช้ประโยชน์กับงานโฆษณาหรือที่เรียกรวมว่า “Neuromarketing” ถือเป็นประเด็นที่แวดวงนักการตลาดจำนวนมากให้ความสนใจมาสักระยะแล้ว โดยที่ Harvard Business Review3 ได้ระบุเอาไว้ว่า การนำเทคโนโลยีและหลักคิดดังกล่าวมาผสานการทำงานร่วมกันจะช่วยให้แบรนด์ นักการตลาดเข้าถึง “ข้อมูลอินไซท์” ที่แท้จริงของผู้บริโภคได้ ทั้งยังสกัดข้อมูลเชิงลึกได้ต่างจากวิธีการเดิม ๆ โดยเฉพาะการจับคู่เทคโนโลยีตรวจจับการมอง Eye Tracking เข้ากับการแสดงอารมณ์ความรู้สึกบนใบหน้า Facial Coding (Facial Expression) ที่มีประโยชน์ต่อการพัฒนางานคอนเทนท์เชิงสร้างสรรค์โดยตรง
ซึ่งก่อนหน้านี้ ก็เคยมีรายงานข่าวที่เปิดเผยว่า ยักษ์ใหญ่ในอุตสาหกรรมบันเทิงฮอลลีวูดอย่าง Disney ก็เคยนำเทคโนโลยี AI และ Deep-learning เข้ามาใช้ในงานวิจัยเพื่อการจำแนกสีหน้า อารมณ์ความรู้สึกของผู้ชมภาพยนตร์อนิเมชันของพวกเขาแบบเรียลไทม์มาแล้ว4 เพื่อให้สามารถนำไปใช้พัฒนา ยกระดับคอนเทนท์ที่ผลิตขึ้นมา ทั้งยังสามารถนำไปประยุกต์ใช้กับการสร้างสรรค์ประสบการณ์ความบันเทิงในสวนสนุก ธีมปาร์กได้อีกด้วย
XSight พร้อมให้บริการแล้ววันนี้ สนใจใช้บริการ หรือต้องการสอบถามข้อมูลรายละเอียดเพิ่มเติม สามารถติดต่อได้ที่ https://xsight.adapterdigital.com/
หมายเหตุ:
Bumper ads1 คือ โฆษณาตอนสั้นไม่เกิน 6 วินาที ส่วนใหญ่มักปรากฏเป็นวิดีโอโฆษณาก่อนรับชมคอนเทนท์หลักในช่องทางต่าง ๆ
Double Head2 คือ กระบวนการที่แบรนด์และเอเจนซี่ตรวจงานหลังเสร็จสิ้นขันตอนการตัดต่องานร่วมกัน
Harvard Business Review 3 ให้นิยามแนวคิดในการนำศาสตร์ด้าน Neuroscience มาใช้ในงานด้านการตลาดว่าเป็น “Neuromarketing” ซึ่งเป็นการนำเครื่องมือที่หลากหลาย อาทิ การใช้เครื่องแสกนสมองแบบ FMRI, การตรวจคลื่นไฟฟ้าสมอง EEG, การตรวจจับพฤติกรรมการมอง Eye Tracking, การตรวจจับข้อมูลอัตลักษณ์ของบุคคล Biometrics และการตรวจจับลักษณะการแสดงออกทางสีหน้า อารมณ์ความรู้สึก Facial Coding มาใช้งานเพื่อให้แบรนด์เข้าใจได้ข้อมูลอินไซท์ของผู้บริโภคแล้วนำไปใช้ประโยชน์ในงานด้านการตลาด งานโฆษณา (Neuromarketing: What You Need to Know / https://hbr.org/2019/01/neuromarketing-what-you-need-to-know)
อ้างอิงข้อมูลจาก 4 Watching you, watching it: Disney turns to AI to track filmgoers' true feelings about its films / https://www.cbc.ca/news/science/disney-ai-real-time-tracking-fvae-1.4233063
adapter digital group ให้ความสำคัญกับโยบายด้านข้อมูลส่วนตัวเป็นอย่างยิ่ง โดยได้ดำเนินการตาม พ.ร.บ. คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ.2562 (PDPA) อย่างเคร่งครัด ซึ่งข้อมูลที่ adapter ดำเนินการจัดเก็บสำหรับการใช้แพลตฟอร์ม XSight ได้รับความยินยอมจากผู้เข้าร่วมการทดสอบ กลุ่มตัวอย่างในการนำไปใช้งานตามวัตถุประสงค์ที่ระบุไว้อย่างถูกต้องทุกประการ
ฟีเจอร์หลักของ XSight
- Eye Tracking: ตรวจจับสายตาของคนดูที่มองไปยังส่วนต่าง ๆ ในฉากหรือซีนที่ปรากฎบนวิดีโอโฆษณา เพื่อให้สามารถระบุได้ว่า ในงานโฆษณาตัวนั้น ๆ คนส่วนใหญ่ให้ความสนใจสิ่งใดมากที่สุด เช่น สินค้า, นักแสดง หรือเนื้อหา
- Facial Expression Tracking: ตรวจจับอารมณ์ความรู้สึกจากการแสดงสีหน้าของคนดูระหว่างรับชมโฆษณา ซึ่งระบุได้ถึง 6 อารมณ์คือ โกรธ (Angry), เบื่อ (Disgusted), มีความสุข (Happy), เศร้า (Sad), ประหลาดใจ (Surprised) และ หวาดกลัว (Fearful)
- สรุปข้อมูลวิเคราะห์ผลลัพธ์จากการรับชมวิดีโอโฆษณาแบบละเอียด พร้อมให้แบรนด์นำไปใช้ประโยชน์ต่อทันที ตัวอย่างเช่น
- Attention Signals Score - ซีนที่สามารถกระตุ้นความสนใจและการรับรู้ของคนได้มากที่สุด โดยต้องมีค่าเฉลี่ยอารมณ์ร่วมของผู้ชมที่เกิดขึ้นระหว่างรับชมโฆษณา (Top Emotion Intensity Scene) ผนวกกับซีนที่ผู้ชมพร้อมใจกันมองไปยัง “แบรนด์ / ผลิตภัณฑ์” ในโฆษณาที่มากที่สุด (Top Visual Impact Scene) โดยสามารถนำสิ่งนี้มาต่อยอดกับการทำโฆษณาฉบับสั้น Shorter Version หรือ Bumper ads ได้อีก
- Visual Impact Score - ค่าคะแนนที่ระบุว่า ผู้ชมพร้อมใจกันมองไปยัง “จุดเดียวกัน” ในโฆษณามากแค่ไหน ยิ่งผู้ชมมองไปยังจุดร่วมเดียวกันสูง คะแนนส่วนนี้สูงขึ้นตามไปด้วย ตัวอย่างการนำไปใช้ เช่น การวัดคะแนนของการมองไปยังแบรนด์ / สินค้า และเพื่อให้สามารระบุซีนที่ตรึงความสนใจคนร่วมกันได้มากที่สุด (Top Visual Impact Scene)
- Emotion Intensity Score - การดูค่าเฉลี่ยอารมณ์ร่วมของผู้ชมที่เกิดขึ้นระหว่างรับชมโฆษณา เพื่อระบุช่วงเวลาที่ซีนโฆษณาทำงานกับอารมณ์ของคนมากที่สุด (Top Emotion Intensity Scene)
- Questionnaire: การนำแบบสอบถามมาใช้ทั้งก่อนและหลังรับชมโฆษณาเพื่อให้ทราบถึงปูมหลัง และฟีดแบคของคนดูที่เกิดขึ้น
- Calibrate: ขั้นตอนการคัดกรองและปรับพื้นฐานการคำนวณของผู้เข้าร่วมการทดสอบตามลักษณะการแสดงออกทางอารมณ์ที่แตกต่างกัน เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่แม่นยำที่สุด
COMMENTS