Amazfit GTR 4 รุ่นใหม่ล่าสุดในดีไซน์หน้าจอวงกลม (GTR = Round, GTS = Square) ที่วางจำหน่ายพร้อมกับรุ่น GTS 4 หน้าจอสี่เหลี่ยม โดยทั้งสองรุ่นอยู่ในระดับ Premium Smartwatch เหมือนกัน ฟีเจอร์และสเปกที่ยอดเยี่ยมในระดับเดียวกัน ไม่ว่าลูกค้าจะชื่นชอบดีไซน์กลมหรือเหลี่ยม ก็มั่นใจว่าจะชื่นชอบและตัดสินใจได้ไม่ยากระหว่าง GTR 4 หรือ GTS 4 เป็นแนวคิดการทำตลาดแบบเดียวกันกับแวดวงรถยนต์รุ่นเดียวกันอย่างทั้ง Mazda3 และ Civic ที่มีให้เลือกสองตัวถัง ทั้ง Sport Sedan และ Sport Hatchback / Fastback ในสเปกใกล้เคียงกัน สมรรถนะและราคาพอ ๆ กัน ต่างแค่ดีไซน์และการตกแต่ง ที่ลูกค้าเลือกได้ตามสไตล์ความชอบของแต่ละคน เป็นสูตรสำเร็จที่ Mazda และ Honda เลือกใช้มานานแล้ว
14 ความประทับใจจากการทดสอบใช้งานจริง
1. จอภาพสีสวยจัดจ้านคมกริบ และรองรับภาษาไทยแบบอ่านง่าย
Amazfit GTR 4 และรุ่นใหม่ตั้งแต่ต้นปี 2022 ที่ผ่านมา รองรับภาษาไทยที่อ่านง่ายกว่าเดิมด้วยฟอนต์ไทยแบบมีหัว อันเป็นเอกลักษณ์ของ Amazfit ที่แตกต่างและโดดเด่นจากแบรนด์อื่น ด้วยจอภาพชนิด AMOLED ความละเอียดสูง ทำให้แสดงสีสันได้สวยจัดจ้านดีมาก ๆ ค่า Contrast สูงมาก สู้แสงกลางแจ้งได้ ประหยัดพลังงานดีมากแม้ว่าเปิด Always-on Display ไว้ทั้งวัน
2. ดาวน์โหลด Watchface ได้ฟรี ไม่มีเบื่อ
Amazfit ทุกรุ่น มี Watchface มาตรฐานที่สวยงามไม่ซ้ำกันในแต่ละรุ่นนับร้อยแบบให้เลือกใช้ และมีเพิ่มขึ้นต่อเนื่องจากนักออกแบบทั่วโลก รวมทั้งสามารถดาวน์โหลดเก็บไว้ใน Smartwatch ได้จากแอปพลิเคชั่นอื่นได้อีก ไม่ได้จำกัดแค่ Original Watchface จากแอปพลิเคชั่น Zepp ที่จัดการตั้งค่าและ Sync อยู่แล้ว แต่รองรับแอปพลิเคชั่นอื่นจาก Third-Party อีกด้วย ที่สำคัญคือดาวน์โหลดได้ฟรี ในขณะที่แบรนด์คู่แข่งจากจีน เน้นขาย Watchface สวย ๆ ในราคาค่อนข้างสูง
3. Always-on Display ตั้งค่าอิสระได้หลายแบบ
Amazfit GTR 4 และรุ่นอื่นที่ใช้จอ AMOLED และรองรับ Always-on Display จะสามารถตั้งค่าการแสดงเวลาได้หลายแบบ ทั้งแบบเดียวกับ Watchface หรือเลือกว่าไม่อิงตาม Faceface แต่ใช้แบบนาฬิกาเข็มหรือตัวเลขที่ Smartwatch มีให้เลือกใช้หลายแบบ เปลี่ยนทุกวันให้เข้ากันกับสไตล์การแต่งตัวก็ได้
4. รองรับมากกว่า 150+ โหมดกีฬา จับการออกกำลังกายอย่างชาญฉลาด
แม้ว่า Amazfit GTR 4 ที่รีวิวในบทความนี้เป็นสายหนังวินเทจสีน้ำตาล บ่งบอกว่าลูกค้าที่ซื้อรุ่นสายหนังน่าจะไม่ได้สวมใส่ออกกำลังกายกลางแจ้งหรือต้องไม่ใช่นักกีฬาแน่ ๆ แต่ด้วยคุณสมบัติการตรวจจับการออกกำลังกายที่แม่นยำ Smartwatch ก็วิเคราะห์ได้ว่ามีการออกกำลังกายหรือการเผาผลาญพลังงานที่มากขึ้นกว่าปกติจากการเคลื่อนไหวและอัตราการเต้นของหัวใจ มีโหมดกีฬามากมายที่รองรับทุกรูปแบบของการออกกำลังกาย โดยเฉพาะกระโดดเชือกที่ GTR 4 ก็นับได้แม่นยำดี น่าจะถูกใจคนไทย
5. GPS แม่นยำเหนือชั้นด้วยเสาอากาศแบบใหม่
ถูกใจนักวิ่งเทรลแน่นอน ด้วยเสาอากาศ GPS แบบโพลาไรซ์ Dual-band จับพิกัดได้ 6 ดาวเทียมพร้อมกัน จึงแม่นยำเที่ยงตรงทุกเส้นทาง ติดตามเส้นทางการวิ่ง นำเข้าไฟล์เส้นทางการวิ่งได้
6. เม็ดมะยมสีแดงโดดเด่น และตัวเรือนที่แข็งแกร่งทนทาน
เฟรมกลางเป็นโลหะชิ้นเดียวไร้รอยต่อ ผิวด้าน ไม่เป็นรอยขีดข่วน ดูแลรักษาง่าย โดดเด่นด้วยเม็ดมะยมสีแดงที่หมุนได้เพื่อ Scroll หน้าจอแสดงผลได้ กดเพื่อเลือกได้ ใช้งานสะดวก โดยเฉพาะการใช้งานในน้ำที่ไม่สามารถสั่งงานด้วยการสัมผัสได้ เช่น การวัด Heart Rate ขณะว่ายน้ำระยะไกล
7. ทดสอบแล้ว แบตเตอรี่อึดจริง 14-16 วัน
ทดสอบแล้วจากการใช้งานปกติ มีการกดใช้งานเป็นระยะ ๆ สวมใส่ทั้งวันทั้งคืน ชาร์จเต็มก็สามารถใช้งานได้ยาวนานครึ่งเดือนพอดี (อ้างอิงจากภาพ แบตเตอรี่ยังเหลือ 14% สวมใส่ทุกวัน ชาร์จเต็มล่าสุดเมื่อ 13 วันที่แล้ว) โดยใช้ Watchface มาตรฐานที่ไม่มี Animation และไม่ได้ออกกำลังกายกลางแจ้งเลย นอกจากนี้ยังมีโหมดประหยัดแบตเตอรี่ใหม่ในระบบปฏิบัติการ Zepp OS 2.0 ที่ยืดอายุแบตเตอรี่ให้ใช้ได้ยาวนานขึ้นอีก เป็น 21++ วัน ด้วยการตัดฟังก์ชั่นที่ไม่จำเป็น เหมาะสำหรับการท่องเที่ยวเดินป่าที่ต้องการใช้ Smartwatch ไว้ดูเวลาเป็นหลัก
8. เล่นและควบคุมเพลงได้สะดวก
เก็บไฟล์เพลงไว้บน Amazfit GTR 4 เพื่อเล่นโดยตรง หรือควบคุมการเล่นเพลงแบบ Streaming ที่กำลังเล่นอยู่บน Smartphone ก็ได้ แสดงชื่อเพลงเป็นภาษาไทยได้อย่างถูกต้อง นอกจากนี้ Amazfit GTR 4 ก็สามารถเชื่อมต่อ Wi-Fi และหูฟังบลูทูธได้ด้วย ซึ่งการโอนถ่ายไฟล์ผ่าน Wi-Fi ทำได้รวดเร็วกว่า Bluetooth หลายเท่า จุดนี้มีประโยชน์มาก
9. สั่งถ่ายภาพ (Remote Shutter) ได้บนนาฬิกา
ไม่ต้องตั้งเวลานับถอยหลังและตั้งกล้องถ่าย Selfie ด้วยฟีเจอร์ที่สามารถกดถ่ายภาพได้ทันทีเมื่อ Pose ท่าสวย ๆ พร้อมแล้ว รองรับทั้ง Android Smartphone และ iPhone
Amazfit GTR 4 น้ำหนักเบา สวมใส่ขณะนอนหลับได้โดยไม่รู้สึกรำคาญ ตรวจวัดการนอนหลับและวิเคราะห์คุณภาพการหลับได้ถูกต้องแม่นยำดีมาก ทั้งการลุกตื่นมาเข้าห้องน้ำกลางดึกแล้วนอนต่อ ตรวจจับการหลับลึก การงีบหลับกลางวัน และการหายใจในขณะหลับ บางกรณีสะท้อนให้เห็นเลยว่ามีการฝันร้ายในช่วงเวลาใดด้วยเรื่องราวที่น่าตื่นเต้นมากจนชีพจรพุ่งสูง
11. กดรับสายเรียกเข้าได้บนนาฬิกา พร้อมสั่งงานด้วยเสียง
รุ่นใหม่ล่าสุดทั้ง Amazfit GTR 4 และ GTS 4 มีไมโครโฟนและลำโพงในตัว จึงสามารถโทรออก รับสาย และสนทนาโทรศัพท์ได้ สะดวกมากในขณะขับรถ นอกจากนี้ยังรองรับการสั่งงานด้วยเสียง Amazon Alexa อีกด้วย เสียดายที่คนไทยจะคุ้นเคยกับการสั่งงานด้วยเสียงผ่าน Google Assistance มากกว่า แต่ก็ไม่ยากที่จะเรียนรู้เพิ่มเติมได้
12. Zepp OS 2.0 ติดตั้งแอปพลิเคชันขนาดเล็กได้มากมาย
Amazfit GTR 4 เป็น Smartwatch ที่รันด้วยระบบปฏิบัติการ Zepp OS นอกจากจะประหยัดพลังงานกว่า Wear OS เกือบสิบเท่าแล้ว ก็ยังรองรับแอปพลิเคชันขนาดเล็กที่ออกแบบมาสำหรับหน้าจอ Smartwatch อีกด้วย เช่น แอปพลิเคชั่นบันทึกช่วงเวลาที่งดอาหารทำ IF เพื่อสุขภาพที่ดี หรือแอปฯ บันทึกน้ำหนักตัว, แผนที่นำทาง, เกมแนวปริศนา, เล่นเพลง, เครื่องคำนวณ ซึ่งมีประโยชน์ในชีวิตประจำวัน ไม่ต้องกังวลว่าหน่วยความจำจะเต็ม เพราะแอปพลิเคชันและ Watchface มีขนาดไฟล์เล็กมาก ยกเว้นว่าใส่ไฟล์เพลงเข้าไปเยอะจนเต็ม
13. ดีไซน์สวย ดูหรูหราพรีเมียม เปลี่ยนสายได้ง่ายยิ่งกว่า
Amazfit GTR 4 ดีไซน์หรูหราด้วยวัสดุอะลูมิเนียมอัลลอยน้ำหนักเบา ผิวด้าน ดูดีกว่าตัวเรือนแบบโครเมียมแวววาวซึ่งเป็นรอยขนแมวหรือรอยขีดข่วนได้ง่าย ทำให้เป็น Smartwatch ที่ดูสวยอมตะเหนือกาลเวลา และดูแลรักษาง่าย นอกจากนี้สายนาฬิกายังสามารถหาซื้อมาเปลี่ยนเองได้ง่าย ไม่ต้องใช้เครื่องมือใด ๆ ราคาตั้งแต่ 59 ไปจนถึง 4 ร้อยกว่าบาท
14. โปรโมชั่นโดนใจ ส่วนลดแรง ที่ Shopee เท่านั้น อย่าพลาด
สรุป
- 10/10 - ระยะเวลาใช้งานของแบตเตอรี่ และโหมดประหยัดพลังงาน
- 9/10 - โครงสร้าง วัสดุ ดีไซน์ ความสบายในการสวมใส่ น้ำหนัก ขนาด
- 10/10 - GPS และความแม่นยำในการระบุเส้นทาง
- 10/10 - ความทนทาน (คะแนนเฉพาะตัวเรือน ไม่รวมสายหนัง)
- 9/10 - คุณลักษณะของจอภาพและการแสดงผลที่รองรับหลายภาษา
- 10/10 - ฟีเจอร์ ลูกเล่นที่ครบครัน ประสิทธิภาพ
- 7/10 - ราคา ความคุ้มค่า การรับประกัน การบริการหลังการขาย
- 9/10 - ความง่ายในการใช้งานและการเชื่อมต่อ
- 10/10 - เปลี่ยนสายและ Watchface ได้หลากหลาย
- 10/10 - ฟีเจอร์สำหรับการดูแลสุขภาพและออกกำลังกายขั้นสูง
Amazfit GTR 4 เป็น Smartwatch ดีไซน์เรือนกลมระดับพรีเมียม ที่อัดแน่นด้วยฟีเจอร์ที่ครบครันระดับนักกีฬา มาพร้อมดีไซน์หรูหราที่ใช้งานได้หลากหลายในชีวิตประจำวันสำหรับคนเมือง สวมใส่กับชุดสูท ชุดออกกำลังกาย ชุดลำลอง ชุดเที่ยวธรรมชาติ ก็ดูดีลงตัว เปลี่ยนสายได้บ่อยตามแฟชั่นก็ได้ กับราคาโปรโมชั่น 6 พันกว่าบาท ก็ถือว่าเป็นของขวัญที่ควรค่าและมีประโยชน์มาก ๆ
ข้อสังเกต:
- เม็ดมะยม ดีไซน์ขัดตาเล็กน้อย
- แอปพลิเคชันที่รองรับ ยังมีไม่มากนัก
- ถ้ารองรับ Spotify หรือ Music Streaming ยอดนิยมด้วยก็ยิ่งดีขึ้นอีก
- สายนาฬิกาแบบหนัง อายุการใช้งานสั้นกว่าสายแบบ Sport
COMMENTS